Thursday, April 23, 2020

ตูบนั่งเหงา เฝ้าชะเง้อรอเจ้าของมา 6 เดือน แม้อากาศหนาว -30 องศา ก็ยังไม่ยอมไปไหน

ภาพจาก chany.gorsite.ru

ตูบนั่งเหงา เฝ้าชะเง้อรอเจ้าของมา 6 เดือน แม้อากาศหนาว -30 องศา ก็ยังไม่ยอมไปไหน จนตอนนี้ในที่สุดก็ได้รับความอบอุ่นจากคนใจดี ที่พร้อมมอบบ้านใหม่ให้

ภาพของเจ้าตูบตัวหนึ่ง ที่ยืนกรานจะปักหลักเฝ้ารอเจ้านายของมันอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ หลังถูกนำมาทิ้งไว้ยังพื้นที่ชนบทห่างไกลในเมืองโนโวซีบีร์สค์ ของรัสเซีย ได้กลายมาเป็นภาพสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น แต่ไม่ว่าชาวบ้านจะพยายามเข้าไปจับตัวมันออกมาจากพื้นที่ข้างถนนอย่างไร มันก็ยังไม่ยอมไปไหน ขอรออยู่ตรงจุดที่ถูกนำมาทิ้ง ด้วยความหวังว่าสักวันเจ้านายที่รักจะหวนมารับมันกลับบ้าน

จากรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 เผยว่า เจ้าตูบที่เหงาหงอยถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป้ายรถเมล์จุดนี้ตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อน ในช่วงฤดูร้อนที่ไซบีเรียยังมีอากาศอบอุ่น ผู้คนที่ได้พบเห็นมันต่างก็อดสงสารไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าคอยหาอาหารมาทิ้งให้มันกินในแต่ละวัน เพราะเจ้าตูบตัวนี้ไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้น

ด้าน Sabyrgali Baysagurov ชาวนาที่อาศัยในพื้นที่นั้น เผยว่า สุนัขตัวนี้มักจะแสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทุกครั้งที่เห็นรถยนต์สีเทาขับผ่าน มันจะรีบวิ่งไล่ตามไป ก่อนจะกลับมาอย่างสิ้นหวังทุกครั้ง คาดว่าเจ้าของเก่าของมันคงจะมีรถยนต์สีเทา

ที่ผ่านมาเคยมีชาวบ้านหลายคนพยายามเข้ามาจับมันออกไปจากข้างถนน แต่ก็ทำได้ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเวลาผ่านไป จากอากาศอันแสนอบอุ่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสภาพอากาศหนาวเย็นจับใจ แต่สุนัขตัวนี้ก็ยังคงไม่ยอมไปไหน มันไม่ยอมเข้าไปหลบในบ้านสุนัขที่มีคนนำมาวางให้ แต่เลือกที่จะนอนบนฟางหญ้า และยังคอยชะเง้อมองรถที่ผ่านไปผ่านมา ด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะได้เห็นเจ้านายมันอีกครั้ง

ภาพจาก chany.gorsite.ru

เวลาผ่านไปจนขณะนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นถึง -30 องศาเซลเซียส สภาพอากาศเช่นนี้อาจทำให้ผู้คนถึงกับแข็งตายได้ แม้แต่อาหารที่นำไปวางให้สุนัขตัวนี้ ก็ยังถูกแช่แข็งตั้งแต่ก่อนที่มันจะได้กิน นั่นทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลมากขึ้นทุกที กลัวว่าสุนัขตัวนี้จะไม่รอดชีวิตจากฤดูหนาวแสนโหดร้าย

กระทั่งในที่สุดก็มีสื่อท้องถิ่นนำเรื่องของมันมารายงาน พร้อมยกให้เป็น ฮาจิโกะแห่งรัสเซีย โดยอ้างอิงตำนานสุนัขฮาจิโกะของญี่ปุ่น ที่เฝ้ารอเจ้านายอย่างซื่อสัตย์เป็นเวลานานถึง 9 ปี ไม่ยอมไปไหน และจากรายงานนี้เองทำให้ในที่สุดความช่วยเหลือก็มาเยือน เมื่อกลุ่มองค์กรช่วยเหลือสัตว์ได้ยอมขับรถเดินทางไกลร่วม 402 กิโลเมตร เพื่อมารับสุนัขตัวนี้

ด้าน อเล็กซี่ อาสาสมัครช่วยเหลือสุนัข เล่าว่า พวกเขารีบมายังป้ายรถเมล์แห่งนี้หลังจากได้อ่านเรื่องราวของมัน อย่างไรก็ตามเจ้าตูบตัวนี้ยังไม่ยอมเชื่อใจพวกเขา ไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใกล้ ซึ่งพวกเขาเองก็ต้องใช้ความพยายามหาวิธีต่าง ๆ เข้าไปตีสนิทกับมัน จนในที่สุดหลังจากเล่นไล่จับกันอยู่พักใหญ่ อิริน่า อาสาสมัครอีกคนหนึ่ง ก็สามารถโยนผ้าห่มไปคลุมร่างของสุนัขตัวนี้ และนำตัวมันขึ้นมาบนรถได้สำเร็จ


จากนั้นอาสาสมัครทั้ง 2 คน ก็ช่วยกันทำให้สุนัขได้รับความอบอุ่น ซึ่งหลังจากสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีจากทั้ง 2 คน สุนัขตัวนี้ก็แสดงท่าทีเป็นมิตรกับพวกเขามากขึ้น

"ฉันชื่นชมในความซื่อสัตย์ของสุนัขตัวนี้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้เห็นจากผู้คนเสมอไป" 
อิริน่า กล่าว

และแล้วในที่สุด อิริน่าก็ตัดสินใจที่จะเป็นผู้มอบบ้านหลังใหม่ที่แสนอบอุ่นแก่สุนัขตัวนี้ ให้ได้อาศัยอยู่ร่วมกับแก๊งเพื่อน 4 ขา เป็นสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด 1 ตัว และแมวเหมียวอีก 2 ตัว ซึ่งหลังจากนี้มันก็คงจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป นับเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาคริสต์มาสที่ดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้านหลังนี้


Wednesday, April 8, 2020

แพนด้าในสวนสัตว์ฮ่องกงกอดกันกลม ผสมพันธุ์ครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังล็อกดาวน์


           เผยภาพ แพนด้าในสวนสัตว์ฮ่องกงกอดกันกลม ขึ้นผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังทางการประกาศล็อกดาวน์ช่วงโควิด 19 ไร้คนเยือนสวนสัตว์


            วันที่ 7 เมษายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องราวพร้อมโมเมนต์ประทับใจจากสวนสัตว์โอเชียนปาร์ก (Ocean Park Zoo) ในฮ่องกง เมื่อเล่อเล่อ (Le Le) และอิงอิง (Ying Ying) แพนด้าคู่เพศผู้และเพศเมียประจำสวนสัตว์ ประสบความความสำเร็จ สามารถผสมพันธุ์กันได้เองตามธรรมชาติเป็นครั้งแรก ในรอบนานกว่า 10  ปีโดยทางสวนสัตว์ได้เผยภาพความตื่นเต้นและน่ายินดี เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 7 เมษายน พร้อมแถลงการณ์ระบุว่า ภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้ มีขึ้นภายหลังจากทางสวนสัตว์ได้ปิดทำการ ไม่ให้ประชาชนภายนอกเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

                ทางเจ้าหน้าที่เผยว่า เล่อเล่อ และอิงอิง มาอยู่ในความดูแลของสวนสัตว์แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2550 แต่มันทั้งสองก็ไม่เคยผสมพันธุ์กันเลย ทางเจ้าหน้าที่จึงพยายามจับคู่ผสมเทียมให้มันเมื่อช่วงปี 2553 แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดในปีนี้ ทางสวนสัตว์ก็ได้เห็นภาพที่เฝ้ารอคอย และติดตามลุ้นอย่างใจจดใจจ่อให้มีเจ้าแพนด้าตัวน้อยเกิดขึ้น

                ไมเคิล บูส ผู้อำนวยการบริหารการปฏิบัติการและอนุรักษ์สัตว์ของทางสวนสัตว์ กล่าวว่า "กระบวนการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับเราทุกคน เนื่องจากโอกาสของการตั้งท้องผ่านการผสมพันธุ์ตามธรรมชาตินั้นสูงกว่าการผสมเทียม"

                ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์กำลังติดตามความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและพฤติกรรมของอิงอิงอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามันจะตั้งท้องหรือไม่หลังจากนี้

                สำหรับแพนด้าเป็นสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์สูงมาก ตามการคาดการณ์ของมูลนิธิสัตว์ป่าโลก ระบุว่า ปัจจุบันมีแพนด้าโตเต็มวัยเพียง 1,864 ตัว ที่ยังมีชีวิตอยู่ในป่าทั่วโลก

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ocean Park Hong Kong
https://hilight.kapook.com/view/201314