Saturday, February 25, 2017

อบอุ่นใจ เด็กผู้อพยพปันผ้าห่มให้ตูบนอนเจ็บ แม้ตัวเองลำบาก แต่หากช่วยได้ก็ยินดี




          เด็กชายผู้อพยพปันผ้าห่มให้ตูบนอนเจ็บข้างทาง ถึงตัวเองจะมีไม่มาก แต่ไม่อยากให้มันต้องทรมาน แม้สุดท้ายจะช่วยชีวิตมันไม่ได้ แต่ก็ได้ทำสุดความสามารถแล้ว

          ฮัสเซยิน เอล-ฮาซาน เด็กชายผู้อพยพวัย 8 ขวบจากซีเรีย ที่ต้องมาอาศัยอยู่ที่ประเทศตุรกี ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ถึงชีวิตเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่เมื่อเขาได้พบเห็นอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

  
            โดยเว็บไซต์เดอะโดโด้ ได้หยิบเรื่องราวชวนอบอุ่นใจนี้มานำเสนอเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 ระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ฮัสเซยิน ได้บังเอิญไปพบกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ถูกรถชนจนได้รับบาดเจ็บและนอนแน่นิ่งอยู่ตามลำพังที่พื้นข้างถนน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ดีนัก ด้วยสถานการณ์เช่นนั้น ถ้าเขาจะละเลยไม่สนใจมันก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับไปที่บ้านพักแล้วหยิบผ้าห่มผืนเล็ก ๆ ของเขาออกมาห่มให้กับมัน

  
           หลังจากนั้นฮัสเซยินก็ได้ขอความช่วยเหลือให้มาช่วยเจ้าตูบตัวนี้ โดยระหว่างที่รอการช่วยเหลือ แม้ว่าตัวเขาจะช่วยอะไรไม่ได้มากกว่านั้น แต่เขาก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนมัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์เดินทางมาถึง ก็ได้ช่วยพาเจ้าตูบที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถไปรักษากับสัตวแพทย์ แต่สุดท้าย ฮัสเซยิน ก็ได้รับข่าวร้ายว่า แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้ทัน เจ้าตูบตายลงหลังจากนั้นไม่นาน

  
           หลังจากภาพและเรื่องราวของฮัสเซยิน ถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ผู้คนต่างก็พากันประทับใจแม้จะเป็นแค่เด็กผู้อพยพตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่น้ำใจเขายิ่งใหญ่มาก และล่าสุด (22 กุมภาพันธ์) รองนายกเทศมนตรีเมืองคิลลิสที่เขาอาศัยอยู่ ก็ได้เดินทางไปพบเพื่อกล่าวชื่นชมในความเมตตาของเด็กชายที่มีให้กับสุนัขเช่นนี้ แม้สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำจนสุดความสามารถแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Anadolu Ajansı, เฟซบุ๊ก TRT Haber, เฟซบุ๊ก Bursa Marmara
https://hilight.kapook.com/view/149648

Wednesday, February 22, 2017

สุดกลั้นน้ำตา ครอบครัวพบข้อความลับที่ลูกสาวซ่อนไว้ในห้อง ก่อนโรคร้ายคร่าชีวิต




        เปิดเรื่องราวสุดเศร้า ครอบครัวพบข้อความลับสุดท้ายของลูกสาววัย 13 ปี ที่ถูกเขียนซ่อนไว้หลังกระจกในห้องนอน ก่อนเธอจะต้องลาจากโลกไปเพราะถูกมะเร็งร้ายคร่าชีวิต

          เอธีนา ออร์ชาร์ด เป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี เช่นเดียวกับทั่ว ๆ ไป ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะมีอนาคตที่สดใสสวยงาม แต่แล้ววันหนึ่งในปลายเดือนธันวาคม 2556 ขณะที่ครอบครัวกำลังคึกคักกับการเตรียมจัดงานวันคริสต์มาส ก็เหมือนกับว่าโชคชะตาเล่นตลก เมื่ออยู่ ๆ เอธีนาเกิดล้มหมดสติร่วงไปกับพื้นในห้องครัวที่บ้าน สร้างความตกอกตกใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบนำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาล


       แต่แล้วพ่อและแม่ของเอธีนา ก็มีอันต้องช็อกอย่างสุด ๆ เมื่อได้ทราบจากแพทย์ว่า ลูกสาวของพวกเขาป่วยเป็นโรคออสทิโอซาร์โคมา (osteosarcoma) หรือมะเร็งกระดูกชนิดร้ายแรง ทว่าในระหว่างการเข้ารับการรักษาตัวเพื่อสู้กับโรคร้าย เอธีนากลับมีกำลังใจเข้มแข็งมาก ๆ เธอยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและทรมานแค่ไหนก็ตาม

          อย่างไรก็ดี เมื่อยื้อจนสุดความสามารถ สุดท้ายเอธีนาก็ถูกโรคร้ายพรากไป สร้างความเศร้าและเสียใจให้กับครอบครัวอย่างที่สุด ต้องจำใจยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น โดยภายหลังจากลูกสาวจากไป พ่อและแม่ของเอธีนาก็เข้าไปทำความสะอาดและเก็บห้องในห้องของเธอ และไม่น่าเชื่อว่าจะได้พบกับสิ่งน่าทึ่งที่เห็นแล้วชวนให้น้ำตาซึม

          เอธีนา เขียนข้อความยาวเหยียดประมาณ 3,000 คำ เต็มพื้นที่ด้านหลังกระจกในห้องนอนของเธอ เป็นข้อความที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก ไม่เพียงแต่เพื่อฝากไว้ให้ครอบครัวได้อ่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ยังเป็นกำลังใจให้คนทุกคนที่ได้อ่านอีกด้วย โดยข้อความบางส่วน มีดังนี้


        "ความสุขขึ้นอยู่กับตัวของเรา... บางครั้งอาจไม่ได้จบสวยงาม แต่มันมีเรื่องราว... จุดมุ่งหมายของชีวิต คือชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย... ความสุขเป็นแค่ทิศทางไม่ใช่เป้าหมาย... ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้มีชีวิต จงมีความสุข มีอิสระ เชื่อมั่นไปตลอด... คุณรู้จักชื่อฉัน แต่ไม่รู้จักเรื่องราวของฉัน คุณได้ยินเรื่องฉัน และไม่รู้ว่าฉันผ่านอะไรมาบ้าง... ความรักเปรียบเหมือนแก้ว สวยงาม แต่เปราะบาง... ความรักเป็นเรื่องยาก และชีวิตเป็นเรื่องแปลก ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอด และผู้คนก็ต้องเปลี่ยนไป... ทุก ๆ วันพิเศษ คุณไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นควรทำให้มันพิเศษที่สุดทุกวัน... ชีวิตจะแย่ถ้าหากคุณทำให้มันแย่... จำไว้ว่าชีวิตมีขึ้นและมีลง ถ้าไม่เคยล้ม การลุกขึ้นก็จะไม่มีความหมาย... ชีวิตก็เหมือนเกมสำหรับทุกคน แต่การได้มีความรักนั้นนั่นแหละคือรางวัล"

 
          ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวอายุ 13 ปี และกำลังต้องต่อสู้กับโรคร้ายจะสามารเข้าใจชีวิตและบรรยายออกมาได้น่าทึ่งขนาดนี้ ข้อความของเธอล้วนเต็มไปด้วยความคิดที่มีทั้งพลังและความฝัน... และประโยคสุดท้ายของเธอ ทำให้ครอบครัวถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

          "ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ เพราะรู้ว่าพวกคุณจะอยู่ข้าง ๆ ฉันเสมอ" - เอธีนา ออร์ชาร์ด

ภาพจาก www.naij.in
ข้อมูลจาก www.lifebuzz.com
https://hilight.kapook.com/view/149529

Tuesday, February 21, 2017

สาวโผกอดหนูน้อยทั้งน้ำตา หลังรู้ว่าหัวใจของลูกที่เสียชีวิตไป ช่วยต่อลมหายใจให้เธอ



คุณแม่แอมเบอร์กับลูกสาว หนูน้อยเมโลดี้ เมื่อครั้งเธอยังมีชีวิตอยู่

 

เปิดวินาทีสุดตื้นตันใจ หญิงสาวสุดจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ เมื่อได้พบหน้าหนูน้อยที่ได้รับหัวใจบริจาคของลูกสาวไป... แม้หนึ่งชีวิตเสียไป แต่ได้ช่วยต่อลมหายใจให้อีกคน



               เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์เมโทร เผยเรื่องราวชวนน้ำตาซึม เป็นเรื่องราวของ แอมเบอร์ ทราวากลิโอ หญิงสาวที่สุดแสนเศร้าใจ เมื่อต้องมาเสียลูกสาวไปทั้ง ๆ ที่มีอายุได้เพียง 8 ขวบ โดยหนูน้อยเมโลดี้ รัฐโอไฮโอ ลูกสาวของเธอ เกิดอาการโรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน เป็นผลให้เสียชีวิตจากไปขณะอาศัยอยู่ที่บ้านในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ

                ทว่าการจากไปของหนูน้องเมโลดี้ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า เมื่อการบริจาคอวัยวะของเธอ ได้ช่วยต่อลมหายใจให้กับเด็กหญิงอีกคน นั่นก็คือ พีย์ตัน ริชาร์ดสัน หนูน้อยวัย 5 ขวบ ที่นอนป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งห่างจากบ้านของเธอไปไกลนับพันกิโลเมตร

               วันเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี หลังจากเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ คุณแม่แอมเบอร์ ได้ตัดสินใจไปเยี่ยมหนูน้อยพีย์ตัน โดยวินาทีที่เธอได้พบหน้าหนูน้อยที่ได้รับบริจาคหัวใจของลูกสาวเธอไปนั้น เธอก็โผเข้าไปกอดพร้อมทั้งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รวมไปถึงแอชลีน คุณแม่ของหนูน้อยพีย์ตัน ก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจเช่นกัน

               สำหรับหนูน้อยพีย์ตัน เธอเกิดป่วยหนักหลังจากติดเชื้อไวรัสไข้หวัด จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด ซึ่งขณะนั้นแพทย์มีความเห็นว่า เธอมีโอกาสรอดเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่แล้วหลังจากได้รับหัวใจจากหนูน้อยเมโลดี้ ก็เหมือนกับว่าปาฏิหาริย์มีจริง หัวใจของเด็กหญิงทั้งสองเข้ากันได้พอดี และการปลูกถ่ายสำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี สามารถต่อลมหายใจให้กับหนูน้อยพีย์ตันได้อีกครั้ง

               แอมเบอร์ เผยว่า ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกสูญเสียและเศร้าใจอย่างที่สุด คิดว่าเธอไม่สามารถอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้อีกแล้วหากไม่มีลูกสาว แต่การได้มาพบเด็กหญิงที่ได้รับหัวใจของลูกสาวเธอไปนั้น มันทำให้เธอสงบและความเศร้าในใจเธอสิ้นสุดลง กลับกลายเป็นความรู้สึกซาบซึ้งใจ เมื่อได้เห็นว่าหนูน้อยพีย์ตันและคุณแม่ของเธอเข้มแข็งมากขนาดไหน ซึ่งเธอสัมผัสได้และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะเรียกพวกเขาว่าครอบครัวเช่นกัน

               ครั้งหนึ่งเมื่อหนูน้อยเมโลดี้ยังมีชีวิต เธอเคยฝันว่าอยากเป็นหมอในพื้นที่ห่างไกล ถึงตอนนี้เธอจะไม่มีโอกาสทำตามความฝัน ได้ช่วยรักษาคนป่วย แต่เธอก็ได้ช่วยให้หนึ่งชีวิตมีลมหายใจอยู่ต่อไป ก็นับว่าเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่เกินคำบรรยายใด ๆ แล้ว

https://hilight.kapook.com/view/149456

สังคมอินเดียช็อก นักแสดงสาวคนดังของประเทศถูกลักพาตัว-รุมข่มขืนในรถยนต์ของเธอเอง



         เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์น 2560 สำนักข่าวอินเดียเอ็กซ์เพรส รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวชายกลุ่มหนึ่งซึ่งร่วมกันก่อเหตุลักพาตัวนักแสดงสาวชื่อดัง (ไม่เปิดเผยนาม) และได้กระทำชำเราเธอเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
         เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 กุมภาพันธ์) ขณะที่นักแสดงสาวกำลังเดินทางไปถ่ายภาพยนตร์ที่เมืองโคชิ คนขับรถของกองถ่ายมารับตัวเธอที่เมืองทริสซูร์และพาออกเดินทางในเวลาราว 19.00 น. นักแสดงเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอว่า คนขับรถมีชื่อว่ามาร์ติน ระหว่างทางเขาโทรศัพท์หาใครบางคนและได้สอบถามเธอว่าเธอรีบไปเมืองโคชิหรือไม่

         สถานการณ์ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งรถออกมาห่างจากเมืองโคชิราว 25 กิโลเมตร มีรถตู้คนหนึ่งพุ่งเข้ามาชนด้านข้างรถของนักแสดงสาว มาร์ตินจอดรถและลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ชาย 4 คนลงมาจากรถตู้ บุกเข้ามาในรถของนักแสดงสาวแล้วขับหนีไป โดยมาร์ตินขึ้นไปบนรถตู้และขับจี้ตามมาติด ๆ

         ในระหว่างที่รถกำลังวิ่งไปเรื่อย ๆ นั้น นักแสดงสาวถูกกลุ่มผู้ชายที่บุกขึ้นมาบนรถกระทำชำเรา พวกมันผลัดเวียนกันข่มขืนเธอและได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเอาไว้ ช่วงเวลาอันเลวร้ายดำเนินไปราว 2 ชั่วโมง กลุ่มคนร้ายได้จอดรถและปล่อยนักแสดงสาวไว้ในโคชิ มาร์ตินที่ขับรถตู้ตามมาติด ๆ รีบเข้ามาช่วยนักแสดงสาวและพาเธอไปที่บ้านของผู้กำกับหนังที่อยู่ในเมือง

        เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุหลังจากนั้น พวกเขาเดินทางมายังบ้านผู้กำกับ นักแสดงสาวได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอกล่าวว่าเธอรู้จักผู้ก่อเหตุเกือบทั้งหมด โดยมี 2 คน ทำงานในวงการภาพยนตร์ และอีกคนหนึ่งคืออดีตคนขับรถเก่าของเธอเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งสืบหาตัวคนร้ายหลังจากนั้นและสามารถจับกุมตัวทั้งหมดได้ในที่สุด

         สำหรับมาร์ตินนั้น ทางสำนักข่าวอินเดียไทมส์ ระบุว่า เขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า เมื่อทำการสอบสวนแล้มพบว่ามาร์ตินนั้นสมรู้ร่วมคิดกับเรื่องทั้งหมด อุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเหตุการณ์ตบตาที่จัดฉากขึ้นเท่านั้น โดยมาร์ตินลงจากรถเพื่อเปิดทางให้กลุ้มคนร้ายขึ้นมาบนรถแล้วขับพานักแสดงสาวออกไป

         ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุทั้งหมดถูกตั้งข้อหาลักพาตัวและข่มขืนกระทำชำเรา โดยจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีต่อไป

https://hilight.kapook.com/view/149494

Sunday, February 19, 2017

ภาพสยองระหว่างการขับรถตอนกลางคืน เจอแบบนี้รีบเหยียบให้มิดเลยเถอะ



การขับรถตอนกลางคืนหนึ่งในช่วงเวลาสุดสยอง ที่มักจะทำให้จินตนาการของเราเตลิดไปไกล เพราะบางครั้งเราก็อาจจะต้องเจอภาพสุดสยอง ถ้าเจอแบบนี้จริงๆก็ขอแนะนำว่าให้เหยียบคันเร่งให้สุดตัวเลยก็แล้วกันนะ


เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799


เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

 เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799


เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799


เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799

เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799




โพสต์โดย zalmai เมื่อ 18 ก.พ. 60 22:22:24
เครดิตจาก : http://boredomtherapy.com/scary-roadside-sights/?as-source=src799&bdk=a799
http://world.kapook.com/pin/58a866b04d265a579c8b4567