Saturday, April 30, 2016

รวบชายโรคจิต ขโมยรองเท้าสาวกว่า 160 คู่ ไปนอนดม




         ตำรวจจีนจับตัวชายโรคจิต ขโมยรองเท้าผู้หญิงซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมจำนวนแล้วมากกว่า 160 คู่ เจ้าตัวรับสารภาพ บอก "กลิ่นหอมนี้ทำให้มีความสุข"

          เคยได้ยินแต่ชายโรคจิตขโมยชุดชั้นในสาว ๆ แต่สำหรับรายนี้เรียกได้ว่าจิตหนักไปอีก โดยวันที่ 28 เมษายน 2559 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ ได้เผยรายงานชวนอึ้งจากประเทศจีน ระบุว่า มีชายรายหนึ่งในมณฑลหูเป่ย์ มีพฤติกรรมโรคจิตแบบไม่ธรรมดา แอบย่องขโมยรองเท้าของหญิงพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งจำนวนหลายราย ซ้ำ ๆ หลายครั้งด้วยกัน

          โดย ทางบริษัทให้ข้อมูลว่า พนักงานหญิงราว 5-6 คน มักจะมาแจ้งบ่อยครั้งว่ารองเท้าและของใช้ของพวกเธอมักชอบถูกขโมยหายไป ทางบริษัทจึงได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวหัวขโมย แต่แม้ว่ากล้องวงจรปิดจะสามารถบันทึกเหตุการณ์และหน้าของชายรายนี้ไว้ได้ แต่หัวขโมยก็ยังสามารถหลบหนีไปได้หลายครั้งหลายคราว ทางบริษัทจึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความร่วมมือให้เข้าช่วยจับกุมตัว


           หลังจากการสืบสวนติดตามนาน 7 วัน ในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถรวบตัวหัวขโมยรายนี้ได้ หลังจากเพิ่งขโมยรองเท้าของหญิงคนล่าสุดมา 2 คู่ และหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นบ้านของเขาก็ได้พบของกลางอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั้งระเบียง ใต้เตียง และในตู้เสื้อผ้า เป็นรองเท้าแฟชั่นของผู้หญิงจำนวนมากว่า 160 คู่ รวมไปถึงชุดชั้นในและเสื้อผ้าของผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่ง

  
          หลังจากการสอบสวนทราบว่า หัวขโมยมีชื่อว่า นายแซ่หยาง อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบริษัทของหญิงพนักงานเหล่านี้ ซึ่งนายแซ่หยางให้การสารภาพว่า ตนได้อาศัยช่วงที่หญิงสาวนำรองเท้ามาตากทิ้งไว้ที่บริเวณทางเดิน แอบหยิบขโมยไปดมและเก็บสะสมไว้ โดยบอกว่า กลิ่นหอมของรองเท้าพวกนี้ มันทำให้เขามีความสุข !

           อย่างไรก็ดี แม้คดีลักษณะดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงโดยตรง แต่ทางตำรวจอยากให้ประชาชนให้ความสนใจอย่างจริงจัง หากพบเห็นใครที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ภาพจาก news.163.com
http://hilight.kapook.com/view/136067

Wednesday, April 27, 2016

ปาฏิหาริย์ เหมียวหายลึกลับ 6 ปี หวนเจอเจ้านาย ขี้อ้อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น




          เจ้านายสาวและเหมียวนาม โคลอี้ ได้พบกันอีกครั้งราวปาฏิหาริย์ หลังโคลอี้กระโดดหนีออกนอกตะกร้าใส่แมวเมื่อ 6 ปีก่อน กลับมาคราวนี้มันยังคงจำเจ้านายคนเดิมได้ แถมอ้อนออเซาะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น !

         
ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ สำหรับการได้หวนพบกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เคยพลัดพรากจากกันไปจนทำให้เราใจไม่ดี เช่นเดียวกับเรื่องราวของ รีเบคก้า ลี ชาวเวลส์ และ โคลอี้ คู่ซี้เจ้านายกับเหมียว ที่ได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 6 ปี

          วันที่ 24 เมษายน 2559 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยเรื่องราวดี ๆ ของเจ้านายและเหมียว โดยระบุว่า เมื่อปี 2553 เหมียวโคลอี้ได้โดดหนีออกนอกตะกร้าใส่แมว ขณะที่รีเบคก้ากำลังจะพามันไปคลินิกสัตวแพทย์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

          แม้รีเบคก้าจะ พยายามติดป้ายประกาศ และลงโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อตามหาตัวโคลอี้ แต่ก็ไม่เคยพบมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า พบซากแมวที่มีสีและลายใกล้เคียงกับโคลอี้นอนตายอยู่ข้างถนน

          รีเบคก้ารู้สึกเหมือนใจสลาย แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกับชีวิตที่ไม่มีคู่หูสี่ขาอีกต่อไป จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานถึง 6 ปี หญิงชรารายหนึ่งนำแมวสีขาวลายน้ำตาล มาฝากไว้กับศูนย์รับดูแลสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเธอแก่ชรามากจนไม่อาจดูแลแมวได้อีกต่อไป

          เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสแกนไมโครชิพ ก็พบว่ามันถูกลงทะเบียนไว้กับเจ้าของชื่ออื่นที่ไม่ใช่หญิงชรา จึงติดต่อหารีเบคก้า ลี แน่นอนว่าสาวรีเบคก้ารู้สึกช็อกและประหลาดใจอย่างมาก ที่ได้ยินเรื่องดังกล่าวจากปากเจ้าหน้าที่

          ในที่สุด เจ้านายและเหมียวก็ได้พบกันอีกครั้ง ในตอนแรก โคลอี้มีท่าทีกังวลใจเล็กน้อย แต่มันก็จำเจ้านายคนดีคนเดิมของมันได้ และเริ่มอ้อนออเซาะด้วยการหงายพุงให้เกา และครางในลำคอเบา ๆ เมื่อมันเห็นรีเบคก้าเดินเข้ามาหา

          ทั้งนี้ เรื่องราวของโคลอี้ ตอกย้ำความสำคัญของการฝังไมโครชิพในสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะข้อมูลที่ถูกต้องในไมโครชิพ สามารถสร้างปาฏิหาริย์ที่น่ายินดีเช่นนี้ได้จริง ๆ

ภาพจาก Cats Protection Bridgend Adoption Centre
http://pet.kapook.com/view147029.html

Tuesday, April 26, 2016

กล้าลองไหม ลิฟต์แก้วไป่หลง ลิฟต์บนเขาที่สูง-เร็ว-เสียวที่สุดในโลก




            พาชม ลิฟต์แก้วไป่หลง สูงตระหง่าน 326 เมตร พร้อมพาผู้โดยสารเพลิดเพลินกับทัศนียภาพแนวเทือกเขาหินที่งดงาม ของอุทยานจางเจียเจี้ย ประเทศจีน

            คนกลัวความสูงมีอันผงะเป็นแน่แท้ ถ้าถูกท้าให้ลองขึ้นลิฟต์ไต่เขาที่มีนามว่า ลิฟต์แก้วไป่หลง (Bailong Elevator) ที่นอกจากจะสูงปรี๊ดจนได้รับฉายาว่า "ลิฟต์แก้วร้อยมังกร" แล้ว ยังเป็นลิฟต์ที่มีความเร็วสูงถึงขนาดที่สามารถไต่หน้าผา 326 เมตรไปถึงยอดได้ ในเวลาเพียง 1 นาที 

 
            ลิฟต์แก้วไป่หลง เป็นลิฟต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเยี่ยมอุทยานจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน ประเทศจีน และต้องการจะขึ้นไปบนยอดเขาเทียนจื่นซาน หรือภูเขายอดฟ้า

  
              ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวไปตามแนวผา นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของแนวเทือกเขาในอุทยาน ตลอดความสูง 326 เมตร กันอย่างจุใจเลยทีเดียว แต่สำหรับคนกลัวความสูง ก็คงมีแข้งขาอ่อนกันบ้างละ

  
               ทั้งนี้ ลิฟต์แก้วไป่หลง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2002 (พ.ศ. 2545) ด้วยงบประมาณกว่า 180 ล้านหยวน หรือราว 975 ล้านบาท ถือเป็นลิฟต์ภายนอกอาคารที่มีความสูงที่สุด และเร็วที่สุดในโลก







ภาพจาก nownews,  mingyen6,  goodmangossip
ขอบคุณข้อมูลจาก Shanghaiist
http://travel.kapook.com/view146986.html


Friday, April 22, 2016

หาชมยาก วินาทีอัศจรรย์แห่งชีวิต แม่โลมาคลอดลูกกลางอควาเรียม




         คลิปอัศจรรย์หาชมยาก วินาทีโลมาคาดขาวตัว น้อยคลอดออกมาจากท้องแม่กลางอควาเรียม หลังจากความพยายามของแม่นาน 3 ชั่วโมง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่พร้อมทีมแพทย์นับ 40 ชีวิต รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ

          เว็บไซต์เดลี่เมล เผยคลิปโมเม้นท์ชวนประทับใจ แสดงภาพวินาทีแม่โลมาเบ่งท้องให้กำเนิดลูกน้อยกลางน้ำ ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเชดด์ (Shedd Aquarium) ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา โดยแม่โลมาตัวนี้มีชื่อว่า แคทริล เป็นโลมาคาดขาวแปซิฟิก (Pacific white-sided dolphin) มันมีอายุมากถึง 28 ปี มีขนาดลำตัวยาว 2.13 เมตร หนัก 118 กิโลกรัม ซึ่งนับเป็นโลมาที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย

  
             จากคลิปจะเห็นว่า หางเล็ก ๆ ของลูกโลมาเริ่มโผล่ออกมาจากท้องแม่ก่อน หลังจากนั้นเจ้าโลมาตัวน้อยก็ค่อย ๆ คลอดออกมาสำเร็จในที่สุด โดยใช้เวลาในการพยายามทั้งสิ้นถึง 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และหลังจากลูกโลมาตัวน้อยออกมาลืมตาดูโลก มันก็พยายามดีดตัวเองให้ลอยขึ้นไปที่ผิวน้ำในทันที โดยแม่ของมันก็ช่วยใช้ครีบและหางพยุงด้วยตามสัญชาตญาณ เพื่อให้ลูกได้รับออกซิเจนหายใจเป็นครั้งแรกในชีวิต

  
          ตลอดช่วงเวลาที่เจ้าแคทริลทำคลอดลูกน้อยนี้ เจ้าหน้าที่ของทางพิพิธภัณฑ์จำนวนกว่า 40 ชีวิต รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากแผนกดูแลสัตว์และทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้จับตาเฝ้าสังเกตการคลอดกันแบบนาทีต่อนาที เผื่อว่าหากเกิดกรณีจำเป็น ก็พร้อมจะเข้าช่วยเหลือในทันที

  
          เจ้าโลมาน้อยมีน้ำหนักแรกคลอดอยู่ ที่ 11 กิโลกรัม มีขนาดลำตัวยาว 91 เซนติเมตร โดยหลังจากคลอดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลสัตว์มีความกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ใช่โลมาทุกตัวจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติต่อลูกครั้งแรกเสมอ ไป ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ

 
          ลิซ่า ทากากิ ผู้จัดการอาวุโสของทางศูนย์ดูแลสัตวน้ำของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เผยว่า นับเป็นโมเม้นท์ที่งดงามและน่าประทับใจมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีโอกาสเห็นโลมาคาดขาวคลอดลูกในน้ำทะเล การได้เห็นครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นนาทีที่แม่โลมาเบ่งลูกน้อยออกมา แต่ยังรวมไปถึงการได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมของโลมาสายพันธุ์นี้มากขึ้นอีกด้วย



ภาพจาก Shedd Aquarium, sheddaquarium.org
http://hilight.kapook.com/view/135760