เจ้านายสาวและเหมียวนาม โคลอี้ ได้พบกันอีกครั้งราวปาฏิหาริย์ หลังโคลอี้กระโดดหนีออกนอกตะกร้าใส่แมวเมื่อ
6 ปีก่อน กลับมาคราวนี้มันยังคงจำเจ้านายคนเดิมได้ แถมอ้อนออเซาะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
!
ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ สำหรับการได้หวนพบกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เคยพลัดพรากจากกันไปจนทำให้เราใจไม่ดี เช่นเดียวกับเรื่องราวของ รีเบคก้า ลี ชาวเวลส์ และ โคลอี้ คู่ซี้เจ้านายกับเหมียว ที่ได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 6 ปี
วันที่ 24 เมษายน 2559 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยเรื่องราวดี ๆ ของเจ้านายและเหมียว โดยระบุว่า เมื่อปี 2553 เหมียวโคลอี้ได้โดดหนีออกนอกตะกร้าใส่แมว ขณะที่รีเบคก้ากำลังจะพามันไปคลินิกสัตวแพทย์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้รีเบคก้าจะ พยายามติดป้ายประกาศ และลงโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อตามหาตัวโคลอี้ แต่ก็ไม่เคยพบมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า พบซากแมวที่มีสีและลายใกล้เคียงกับโคลอี้นอนตายอยู่ข้างถนน
รีเบคก้ารู้สึกเหมือนใจสลาย แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกับชีวิตที่ไม่มีคู่หูสี่ขาอีกต่อไป จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานถึง 6 ปี หญิงชรารายหนึ่งนำแมวสีขาวลายน้ำตาล มาฝากไว้กับศูนย์รับดูแลสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเธอแก่ชรามากจนไม่อาจดูแลแมวได้อีกต่อไป
เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสแกนไมโครชิพ ก็พบว่ามันถูกลงทะเบียนไว้กับเจ้าของชื่ออื่นที่ไม่ใช่หญิงชรา จึงติดต่อหารีเบคก้า ลี แน่นอนว่าสาวรีเบคก้ารู้สึกช็อกและประหลาดใจอย่างมาก ที่ได้ยินเรื่องดังกล่าวจากปากเจ้าหน้าที่
ในที่สุด เจ้านายและเหมียวก็ได้พบกันอีกครั้ง ในตอนแรก โคลอี้มีท่าทีกังวลใจเล็กน้อย แต่มันก็จำเจ้านายคนดีคนเดิมของมันได้ และเริ่มอ้อนออเซาะด้วยการหงายพุงให้เกา และครางในลำคอเบา ๆ เมื่อมันเห็นรีเบคก้าเดินเข้ามาหา
ทั้งนี้ เรื่องราวของโคลอี้ ตอกย้ำความสำคัญของการฝังไมโครชิพในสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะข้อมูลที่ถูกต้องในไมโครชิพ สามารถสร้างปาฏิหาริย์ที่น่ายินดีเช่นนี้ได้จริง ๆ
ภาพจาก Cats Protection Bridgend Adoption Centre
ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ สำหรับการได้หวนพบกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เคยพลัดพรากจากกันไปจนทำให้เราใจไม่ดี เช่นเดียวกับเรื่องราวของ รีเบคก้า ลี ชาวเวลส์ และ โคลอี้ คู่ซี้เจ้านายกับเหมียว ที่ได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 6 ปี
วันที่ 24 เมษายน 2559 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยเรื่องราวดี ๆ ของเจ้านายและเหมียว โดยระบุว่า เมื่อปี 2553 เหมียวโคลอี้ได้โดดหนีออกนอกตะกร้าใส่แมว ขณะที่รีเบคก้ากำลังจะพามันไปคลินิกสัตวแพทย์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้รีเบคก้าจะ พยายามติดป้ายประกาศ และลงโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อตามหาตัวโคลอี้ แต่ก็ไม่เคยพบมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า พบซากแมวที่มีสีและลายใกล้เคียงกับโคลอี้นอนตายอยู่ข้างถนน
รีเบคก้ารู้สึกเหมือนใจสลาย แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกับชีวิตที่ไม่มีคู่หูสี่ขาอีกต่อไป จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานถึง 6 ปี หญิงชรารายหนึ่งนำแมวสีขาวลายน้ำตาล มาฝากไว้กับศูนย์รับดูแลสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเธอแก่ชรามากจนไม่อาจดูแลแมวได้อีกต่อไป
เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสแกนไมโครชิพ ก็พบว่ามันถูกลงทะเบียนไว้กับเจ้าของชื่ออื่นที่ไม่ใช่หญิงชรา จึงติดต่อหารีเบคก้า ลี แน่นอนว่าสาวรีเบคก้ารู้สึกช็อกและประหลาดใจอย่างมาก ที่ได้ยินเรื่องดังกล่าวจากปากเจ้าหน้าที่
ในที่สุด เจ้านายและเหมียวก็ได้พบกันอีกครั้ง ในตอนแรก โคลอี้มีท่าทีกังวลใจเล็กน้อย แต่มันก็จำเจ้านายคนดีคนเดิมของมันได้ และเริ่มอ้อนออเซาะด้วยการหงายพุงให้เกา และครางในลำคอเบา ๆ เมื่อมันเห็นรีเบคก้าเดินเข้ามาหา
ทั้งนี้ เรื่องราวของโคลอี้ ตอกย้ำความสำคัญของการฝังไมโครชิพในสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะข้อมูลที่ถูกต้องในไมโครชิพ สามารถสร้างปาฏิหาริย์ที่น่ายินดีเช่นนี้ได้จริง ๆ
ภาพจาก Cats Protection Bridgend Adoption Centre
http://pet.kapook.com/view147029.html
No comments:
Post a Comment