Thursday, October 19, 2017

น่ารักสุด ๆ เม่นแคระตัวน้อย ขอออกทริปผจญภัยสุดชิล โซเชียลได้เห็นเป็นหลงรัก




        น่ารักสุด ๆ ไปดูภาพ อาซูกิ เม่นแคระตัวน้อยจากญี่ปุ่น กับการออกทริปผจญภัยในป่าสุดลั้ลลา ที่จะทำให้เราต้องหลงรัก

          เป็นซุปตาร์ตัวจิ๋วที่คอยสร้างรอยยิ้มบนโลกออนไลน์ตัวจริง สำหรับเจ้า อาซูกิ (Azuki) เม่นแคระตัวน้อยจากญี่ปุ่น ที่พกความน่ารักมาเต็มเปี่ยม พร้อมโชว์วิถีสโลว์ไลฟ์ เต๊ะท่านอนชิล ๆ ให้เหล่าฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมของมันได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง


           แต่ดูเหมือนว่าล่าสุด เม่นแคระสายชิลจะขอพักความชิลไว้ชั่วคราว หันมาเก็บของออกไปผจญภัยนอกบ้านกันบ้าง กับทริปตั้งแคมป์ในป่า และแน่นอนว่าไม่ลืมแชะภาพมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันตามเคย ดังที่เว็บไซต์บอร์แพนด้า ได้นำภาพของอาซูกิมาฝากให้เราได้ชมกัน เผยให้เห็นอาซูกิที่กำลังสนุกกับการตั้งแคมป์ พายเรือคายัก ย่างบาร์บีคิว และนั่งหม่ำอย่างอร่อยบนโต๊ะตัวจิ๋วสำหรับมัน


             งานนี้หลายคนเห็นแล้วคงแอบอยากไปออกทริปกันบ้างทีเดียว ว่าแล้วก็มาตามไปดูภาพของเจ้าอาซูกิกันเลย และถ้าใครอยากสมัครเป็นแฟนคลับของเม่นแคระสุดแบ๊วตัวนี้ สามารถเข้าไปติดตามกันได้เลยที่อินสตาแกรม @hedgehog_azuki 









































ภาพจาก Instagram hedgehog_azuki
https://pet.kapook.com/view181603.html

Thursday, October 12, 2017

รักของแม่...เหมียวจรจัดยอมอดเพื่อให้ลูกปลอดภัย ให้ลูกอิ่มท้องแม้แม่ไม่ได้กิน




            เผยเรื่องราวชวนซึ้งอบอุ่นใจ เหมียวจรจัดยอมอดอาหารพาลูกน้อยไปหลบซ่อนเพื่อให้ปลอดภัยจากอันตราย และถึงตัวมันจะไม่มีอาหารกิน แต่ก็ยังให้นมลูก ๆ ทุกตัวได้กินไม่ขาด

             เว็บไซต์ LoveMeow เผยเรื่องราวความรักของแม่แมวจรจัดข้างถนนตัวหนึ่ง ที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกน้อยทั้ง 5 ชีวิตปลอดภัย และได้กินอิ่มท้อง แม้ว่าตัวเองจะต้องอดก็ตามที กระทั่งทีมเจ้าหน้าที่จากศูนย์สงเคราะห์ CatRescue 901 ซึ่งอยู่ในเขตเทอร์รีย์ฮิลส์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเรื่องราวของมันและลูก ๆ จึงเข้าช่วยเหลือในทันที


            เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปถึงก็พบว่า เจ้าเหมียวและลูก ๆ เหล่านี้ไม่มีคนดูแล รอบ ๆ มีเศษอาหารอยู่น้อยนิด แต่ถึงแม้ว่ามันจะต้องอดอาหาร แต่มันก็ฝืนทนให้นมลูก ๆ ของมันทั้งหมดได้กินอิ่มท้อง

             เจนนี สตอราเกอร์ หนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่เผยว่า พวกมันอยู่ในสภาพซูบผอม ลูกของมันอายุราว ๆ 6 สัปดาห์ ในตอนแรกที่ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมันและลูก ๆ มาไว้ที่ภายในห้องของศูนย์ฯ แม่ของมันไม่ยอมให้เข้าใกล้ และมันจะให้นมลูกน้อยก็ต่อเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้องเท่านั้น


               ทว่าหลังจากนั้น เมื่อเจ้าเหมียวตัวนี้ได้รับอาหารที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และทำให้มันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เจ้าเหมียวก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายและเป็นมิตรมากขึ้น โดยหลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ดูแลมันอย่างดี มีการพาไปหาสัตวแพทย์ ฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิป รักษาโรคหมัดและพยาธิ รวมไปถึงเรื่องอาหารก็มีการใส่ใจเป็นพิเศษ มีการผสมวิตามินเพื่อเพิ่มสารอาหารให้แก่มัน เพื่อที่จะส่งผลไปยังลูก ๆ ตัวน้อยของมันให้แข็งแรงมากขึ้น

 
             โดยหลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ เจ้าเหมียวและลูก ๆ ตัวน้อยก็กลับมามีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ตัวโตอย่างที่แมวทั่วไปควรจะเป็น พวกมันได้เติมเต็มทั้งความรักและการดูแลเอาใจอย่างเต็มที่ โดยเจนนีเผยว่า การช่วยเหลือครอบครัวเจ้าเหมียวและลูก ๆ ครั้งนี้นับเป็นหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำของทางเจ้าหน้าที่เลยทีเดียว








https://pet.kapook.com/view181139.html

Monday, September 4, 2017

ตูบตาเศร้ามีชีวิตแสนรันทด ถูกล่ามโซ่มาทั้งชีวิต จนในที่สุดก็ได้ออกวิ่งเป็นครั้งแรก




         ตูบตาเศร้ามีชีวิตแสนรันทด ถูกล่ามโซ่มาทั้งชีวิต อาศัยอยู่ในบ้านสุนัขเก่าโทรม จนในที่สุดก็ได้ออกวิ่งเป็นครั้งแรก เมื่อถูกปลดโซ่ คืนอิสรภาพแก่มัน

          แทบจะทั้งชีวิตที่ผ่านมาของ พีนัท เจ้าตูบดวงตาเศร้าตัวนี้ คือการใช้ชีวิตอยู่ในสภาพไม่ต่างจากนักโทษที่ถูกคุมขัง แม้จะมีเจ้าของคอยเลี้ยงดู แต่มันกลับไม่เคยได้รับความรักอย่างแท้จริง มันไม่เคยรู้จักกับคำว่าอิสรภาพ ไม่เคยรู้จักการวิ่ง ทั้งนี้ก็เพราะโซ่หนัก ๆ ที่คล้องอยู่รอบคอมันมาทั้งชีวิต ทำให้มันรู้จักโลกนี้เฉพาะในขอบเขตที่โซ่สั้น ๆ จะทอดยาวไปถึงเท่านั้น

          อย่างไรก็ตามหลังจากตกอยู่ในสภาพน่ารันทดมาเนิ่นนาน ในที่สุดแสงแห่งความหวังก็ส่องมาถึง เมื่อรั้วที่ล้อมรอบสวนหลังบ้านดังกล่าวเกิดพังลง จนทำให้มีคนภายนอกมองเข้าไปเห็นเจ้าตูบตัวนี้ โดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เดอะโดโด้ เผยว่า ชาวบ้านที่อยู่แถว ๆ นั้นต่างก็สะเทือนใจกับชะตากรรมของเจ้าพีนัท ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันแจ้งเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น กับกระจายเรื่องราวของมันจนรู้มาถึงกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ HOPE for Erie Animal Wellness ที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือสุนัขในท้องที่อื่น


            ในตอนนั้นเองที่ รัสเซลลีน สเตนบูห์เลอร์ ได้รับรู้เรื่องราวของเจ้าพีนัท เจ้าตูบวัย 3 ขวบตัวนี้ โดยเธอเผยว่า ลูกสาวของเธอเป็นอาสาสมัครของกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามเนื่องจากพื้นที่ทำงานของกลุ่มอยู่ไกลจากบ้านของเจ้าพีนัทมาก ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือมันได้ ขณะที่บ้านของเธออยู่ห่างบ้านหลังนั้นไม่มากนัก เธอจึงตัดสินใจจะไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับมันด้วยสองตาของเธอเอง


              "ฉันออกไปดู เห็นพีนัทอยู่ในบ้านสุนัขโทรม ๆ ที่หลังคามีรู พื้นไม้ก็เน่า มันไม่มีที่พักพิงที่เหมาะสม แถมพื้นที่แถบนี้ก็มักจะเปียกแฉะ เจ้าพีนัทต้องนอนอยู่ในแอ่งน้ำเพราะมันออกไปไหนไม่ได้ เมื่อเห็นอย่างนี้ฉันก็เลยบอกกับตัวเองว่า ฉันจะขอเป็นคนดูแลมันเอง" รัสเซลลีน กล่าว


           จากนั้นรัสเซลลีนก็ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของพีนัท ซึ่งทางครอบครัวก็ยอมรับว่าพวกเขาล่ามโซ่มันมาตลอดตั้งแต่ตอนที่พีนัทอายุไม่กี่เดือน อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้เกิดจากเจตนาที่เลวร้าย เพียงแค่พวกเขาเห็นว่าการล่ามสุนัขไว้นอกบ้านถือเป็นเรื่องปกติของผู้คนในชนบทเท่านั้น แต่เมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพีนัทไม่ใช่สภาพที่เหมาะสมนัก พวกเขาก็ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ให้มันเล็กน้อย


         พีนัทได้บ้านสุนัขหลังใหม่ ได้ชามข้าวใหม่ เชือกคล้องคอและปลอกคอใหม่ ซึ่งเชือกใหม่นี้มีความยาวพอให้มันออกไปนอนเล่นบนพื้นหญ้าได้ ทำให้มันดูมีความสุขอย่างมาก จากตูบตาเศร้ากลายเป็นตูบหน้ายิ้ม ต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง


         หลังจากนั้นรัสเซลลีนก็ยังคอยเข้าไปดูแลเจ้าพีนัทอยู่เป็นเวลา 2 เดือน เธอช่วยปลอบโยนจิตใจมัน และฝึกสอนให้มันรู้จักการเชื่อฟัง ซึ่งมันก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปหาทุกคนที่ยินดีมาใช้เวลาอยู่กับมันด้วย แม้ว่ามันจะยังคงถูกผูกล่ามไว้ที่สวน แต่ชีวิตของมันก็ดีขึ้นมาก

          และแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ดีกว่า ก็มาเยือนเจ้าพีนัทอีกครั้ง เมื่อกฎหมายใหม่เกี่ยวกับสัตว์ ซึ่งจำกัดขอบเขตการล่ามโซ่สัตว์เลี้ยง เริ่มมีผลบังคับใช้ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ ทำให้เจ้าของพีนัทที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่ตัดสินใจยกสุนัขของพวกเขาให้อยู่ในความดูแลของ HOPE for Erie Animal Wellness เพราะพวกเขาคงไม่สามารถปรับวิถีการเลี้ยงดูมันได้


             ในที่สุดเจ้าพีนัทก็ได้รับอิสระอย่างแท้จริง ทางกลุ่มได้พามันไปอาบน้ำ เช็กร่างกาย และให้มันได้วิ่งเล่นในลานกว้างจนสมใจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของสุนัขตัวนี้ มันได้ใช้ชีวิตอย่างเสรีได้ตามที่ใจต้องการเสียที ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าเจ้าพีนัทมีความสุขมากแค่ไหน และเชื่อว่าจากนี้มันจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก หากทางกลุ่มค้นพบครอบครัวอุปถัมภ์ที่ยินดีจะมอบเวลาและความรัก รวมถึงความอบอุ่นให้แก่มันไปอีกทั้งชีวิตจากนี้

https://pet.kapook.com/view178645.html

Thursday, August 24, 2017

หนุ่มมนุษย์เหล็ก พลาดยิงตะปูใส่กลางหน้าอก แต่ยังขับรถไปหาหมอเองได้




         หนุ่มมนุษย์เหล็ก พลาดยิงตะปูทะลุใส่กลางหน้าอก แต่ยังทนขับรถไกลเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง เผยแค่รู้สึกเหมือนโดนอะไรต่อยเท่านั้น

          เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เอบีซีนิวส์ เผยรายงานชวนอึ้ง ระบุว่า ดั๊ก เบอร์จสัน ชายเคราะห์ร้ายจากรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ ประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันเมื่อประมาณ 7 สัปดาห์ก่อน ในขณะที่กำลังสร้างโครงให้กับเตาผิงไฟ เขาเกิดพลาดใช้ปืนยิงตะปู ยิงตะปูขนาด 3 นิ้วครึ่ง ทะลุเข้าไปที่กลางหน้าอกตัวเอง 
 
          หลังจากเกิดเหตุ เบอร์จสัน ไม่ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับขับรถพาตัวเองไปไกลเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อไปเข้ารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์ในเขตแมริเนตต์ ของรัฐวิสคอนซิน

          เมื่อไปถึงที่ศูนย์การแพทย์ ทางเจ้าหน้าที่แพทย์เร่งนำตัวเบอร์จสัน ส่งหน่วยพิเศษ ที่สามารถช่วยทำการผ่าตัดหัวใจแบบเปิดให้ได้ ก่อนจะรีบทำการรักษาโดยด่วน

          ด้าน ดร.อเล็กซานเดอร์ รอทสไตน์ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้เบอร์จสัน เผยว่า การเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ และผิดตำแหน่ง อาจจะเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าที่ผู้ป่วยคิดไว้ แต่ทั้งนี้ สำหรับเคสของเบอร์จสัน นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่ผลการรักษาผ่านไปด้วยดี หัวใจของเบอร์จสันไม่ได้ถูกทำลายแบบถาวร มีเพียงบาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัด

          ด้านเบอร์จสัน ได้เผยถึงความรู้สึก เมื่อครั้งถูกตะปูปักทะลุเข้ากลางหน้าอก ระบุว่า "ผมไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่ แค่รู้สึกเหมือนโดนอะไรต่อย"

ภาพจาก wqow.com
https://hilight.kapook.com/view/158329