Thursday, August 24, 2017

หนุ่มมนุษย์เหล็ก พลาดยิงตะปูใส่กลางหน้าอก แต่ยังขับรถไปหาหมอเองได้




         หนุ่มมนุษย์เหล็ก พลาดยิงตะปูทะลุใส่กลางหน้าอก แต่ยังทนขับรถไกลเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง เผยแค่รู้สึกเหมือนโดนอะไรต่อยเท่านั้น

          เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เอบีซีนิวส์ เผยรายงานชวนอึ้ง ระบุว่า ดั๊ก เบอร์จสัน ชายเคราะห์ร้ายจากรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ ประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันเมื่อประมาณ 7 สัปดาห์ก่อน ในขณะที่กำลังสร้างโครงให้กับเตาผิงไฟ เขาเกิดพลาดใช้ปืนยิงตะปู ยิงตะปูขนาด 3 นิ้วครึ่ง ทะลุเข้าไปที่กลางหน้าอกตัวเอง 
 
          หลังจากเกิดเหตุ เบอร์จสัน ไม่ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับขับรถพาตัวเองไปไกลเกือบ 20 กิโลเมตร เพื่อไปเข้ารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์ในเขตแมริเนตต์ ของรัฐวิสคอนซิน

          เมื่อไปถึงที่ศูนย์การแพทย์ ทางเจ้าหน้าที่แพทย์เร่งนำตัวเบอร์จสัน ส่งหน่วยพิเศษ ที่สามารถช่วยทำการผ่าตัดหัวใจแบบเปิดให้ได้ ก่อนจะรีบทำการรักษาโดยด่วน

          ด้าน ดร.อเล็กซานเดอร์ รอทสไตน์ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้เบอร์จสัน เผยว่า การเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ และผิดตำแหน่ง อาจจะเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าที่ผู้ป่วยคิดไว้ แต่ทั้งนี้ สำหรับเคสของเบอร์จสัน นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่ผลการรักษาผ่านไปด้วยดี หัวใจของเบอร์จสันไม่ได้ถูกทำลายแบบถาวร มีเพียงบาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัด

          ด้านเบอร์จสัน ได้เผยถึงความรู้สึก เมื่อครั้งถูกตะปูปักทะลุเข้ากลางหน้าอก ระบุว่า "ผมไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่ แค่รู้สึกเหมือนโดนอะไรต่อย"

ภาพจาก wqow.com
https://hilight.kapook.com/view/158329

Tuesday, August 22, 2017

นาซาเปิดภาพสุริยุปราคาเต็มดวง เหนือสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรเมื่อดูจากนอกโลก




            นาซา เผยภาพถ่ายจากอวกาศ ขณะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง เหนือแผ่นดินสหรัฐอเมริกา เห็นเป็นเงามืดพาดผ่านพื้นผิวโลก กินพื้นที่เป็นวงกว้าง

             เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่คนทั่วโลกเฝ้าจับตา สำหรับการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งแรกในรอบ 38 ปี เหนือแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 21 สิงหาคม 2560 ซึ่งเงามืดของปรากฏการณ์ดังกล่าวจะพาดผ่านพื้นที่หลายรัฐ ตั้งแต่รัฐออริกอน จนถึงรัฐเซาท์แคโรไลนา อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนจำนวนหลายล้านคนสามารถสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้จากบนโลก ก็ยังมีกลุ่มนักบินอวกาศอีก 6 คนที่ได้เฝ้าชมปรากฏการณ์ดังกล่าวเช่นกัน จากพื้นที่สุดวีไอพี นั่นก็คือจากนอกโลกของเรา


                แต่สำหรับคนบนโลกอย่างเรา ๆ ก็ไม่ต้องเสียใจไปที่ไม่ได้ชมภาพการเกิดสุริยุปราคาจากนอกโลก เพราะล่าสุด (22 สิงหาคม 2560) ทางองค์การอวกาศนาซา ก็ได้นำคลิปบันทึกช่วงเวลาดังกล่าวมาฝากให้เราได้ชมกันแล้ว เผยให้เห็นภาพเงามืดขนาดใหญ่ที่ส่องลงมายังพื้นโลก ครอบคุลมพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา ว่าแต่มันจะน่าตื่นตาขนาดไหนต้องลองไปชมกันเลย
 
ภาพและข้อมูลจาก NASA Official, ทวิตเตอร์ @NASA , ECLIPSE 101
https://hilight.kapook.com/view/158670

Thursday, August 17, 2017

สะเทือนใจ... ตูบยังรอเจ้านายแสนรัก ขอเฝ้าหลุมศพเขาไม่ไปไหน แม้จะผ่านไป 11 ปี




        ภาพสะเทือนใจ... ตูบยังรอเจ้านายแสนรัก ขอเฝ้าหลุมศพเขาไม่ไปไหน แม้จะผ่านไป 11 ปี ราวกับจะรอให้เขากลับมาหามัน แม้จะพากลับบ้านกี่ครั้ง ก็จะหนีมาเฝ้าสุสานทุกครั้ง

          นับเป็นภาพสะเทือนใจสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้เข้ามาในพื้นที่สุสานของเมืองวิลลา คาร์ลอซ พาซ แห่งประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพวกเขามีอันต้องพบกับ เจ้ากัปตัน สุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ด ที่ยังคอยวนเวียนอยู่รอบ ๆ หลุมฝังศพของผู้เป็นเจ้านายแสนรัก ไม่ยอมจากไปไหน ราวกับจะรอให้เจ้านายฟื้นคืนกลับมาหามันอีกครั้ง แม้ว่า มิเกล กันซ์แมน ผู้เป็นเจ้านายจะตายจากมันไปนานกว่า 11 ปี แล้วก็ตาม
          โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มิเกลเสียชีวิตลงในปี 2549 เจ้ากัปตันก็หนีหายออกจากบ้านไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งอีกหลายเดือนต่อมา เวโรนิก้า ภรรยาของมิเกลจึงได้พบเจ้ากัปตันอยู่ที่สุสานแห่งนี้ ในขณะที่เธอมาเยี่ยมหลุมศพของสามี


         แม้ว่าเวโรนิก้ากับลูกชายจะพยายามพาเจ้ากัปตันกลับบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ยังมักจะวิ่งกลับมาอยู่ที่ข้างหลุมศพของผู้เป็นเจ้านายเสมอ มันทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขอนั่งเฝ้าและเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ หลุมศพของมิเกล ราวกับรอให้เขาฟื้นจาการหลับใหล จนในที่สุดเวโรนิก้าก็ตระหนักได้ว่า คงไม่มีใครสามารถเติมเต็มช่องว่างในใจของสุนัขตัวนี้ได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือการปล่อยให้มันได้อยู่ข้างกายเจ้านายของมัน และคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

          หลังจากวันเวลาแห่งการรอคอยผ่านไปหลายปี ความจงรักภักดีของกัปตันก็ยังชนะใจผู้ดูแลสุสานดังกล่าว เขาจึงมักจะคอยช่วยดูแลให้มันได้มีอาหารกิน และได้ฉีดวัคซีนครบทุกปี อย่างไรก็ตามหนึ่งในสิ่งที่คาใจผู้ดูแลสุสานมาตลอดก็คือ เจ้ากัปตันหาหลุมศพเจ้านายมันพบได้อย่างไร ในเมื่อเจ้านายของมันเสียชีวิตที่ต่างเมือง ก่อนถูกนำมาฝังยังสุสาน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้เขาคาดว่า คงมีความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณบางอย่างระหว่างสุนัขกับเจ้าของ ที่นำพากัปตันมายังที่แห่งนี้


          ทั้งนี้เรื่องราวความจงรักภักดีของเจ้ากัปตัน ได้กลายมาเป็นข่าวดังทั่วโลกครั้งแรกเมื่อปี 2555 ผู้คนต่างก็ซาบซึ้งและสะเทือนใจกับเรื่องราวของสุนัขตัวนี้ ที่ยังคงรักและไม่ลืมเจ้านายของมัน ยังขอมาเฝ้าเขาในทุก ๆ วันแม้เวลาจะผ่านไปนานร่วม 6 ปี อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ในปี 2560 นับเป็นเวลา 11 ปี ที่มิเกลไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ แต่เจ้ากัปตันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขันในทุก ๆ วัน นั่นก็คือการเฝ้ารอเขา

          อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้ากัปตันได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและได้รับการพาไปหาสัตวแพทย์เสมอเมื่อจำเป็น แต่ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะกาลเวลาได้ ตอนนี้เจ้ากัปตันเป็นหมาแก่ที่อายุมากถึง 15 ปี แล้ว ทำให้สภาพร่างกายของมันเริ่มจะย่ำแย่ มันเดินไปไหนแทบจะไม่ไหว ตาแทบจะมองไม่เห็นแล้ว แต่สิ่งต่าง ๆ ล้วนไม่สามารถทำลายหัวใจอันภักดีของมัน ที่ยืนยันจะรอเจ้านายผู้เป็นที่รักไปได้เลย

ภาพจาก cadena3.com
https://pet.kapook.com/view177585.html

Thursday, August 10, 2017

ขนลุกซู่ เจ้าหน้าที่ขนส่งสแกนเจอแขนมนุษย์ ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าผู้โดยสาร




         เจ้าหน้าที่สถานีขนส่งผงะ ชายวัย 50 ปี หอบชิ้นส่วนแขนมนุษย์ 1 คู่ ใส่มาในกระเป๋า เตรียมเดินทางกลับบ้าน แจงเป็นของน้องชายที่เกิดอุบัติเหตุ จะนำกลับไปเก็บรักษาไว้ให้ที่บ้าน

        เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ เผยรายงานชวนอึ้ง ระบุว่า เจ้าหน้าที่บริเวณจุดสแกนตรวจกระเป๋าภายในสถานีขนส่งรถโดยสารสาธารณะ เขตตูหยุน มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน มีอันต้องตกใจไปตาม ๆ กัน เมื่อพบว่า ภายในกระเป๋าของผู้โดยสารชายวัย 50 ปี รายหนึ่ง มีชิ้นส่วนแขนมนุษย์ 1 คู่ บรรจุอยู่ด้านใน


        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล้องวงจรปิดภายในสถานีสามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยจะเห็นว่าชายเจ้าของกระเป๋ารายดังกล่าว เดินเข้ามาในสถานีตามปกติ ก่อนจะวางกระเป๋าตรงจุดตรวจ จากนั้นเขาก็เดินผ่านประตูสแกนอัตโนมัติโดยมีท่าทางเรียบเฉย ไม่แสดงอาการกังวล หรือผิดปกติแต่อย่างใด กระทั่งเจ้าหน้าที่เห็นภาพในจอมอนิเตอร์ จึงเรียกตัวเขามาสอบถามถึงแขนคู่ดังกล่าว

         จากรายงานเผยว่า ภายหลังจากเจ้าที่สอบถามชายเจ้าของกระเป๋า เขาได้อธิบายว่า ตนไม่ได้เป็นฆาตกรแต่อย่างใด แต่แขนคู่ดังกล่าวเป็นของน้องชาย ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้ประสบอุบัติเหตุจากไฟฟ้า เป็นเหตุให้ต้องตัดแขนทิ้งทั้ง 2 ข้าง อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเชื่อว่า เมื่อมีใครเสียชีวิตจะต้องฝังชิ้นส่วนอวัยวะไปให้ครบ เขาจึงนำแขนทั้ง 2 ข้างของน้องชายกลับไปที่บ้าน เพื่อทำการเก็บรักษาไว้ให้
        
       ภายหลังจากได้ทราบเรื่องราว ทางเจ้าหน้าที่จึงโทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงพยาบาลที่รักษาน้องชายของชายรายดังกล่าว เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นทางสถานีไม่อนุญาตให้เขานำแขนทั้ง 2 ข้างนั้น ขึ้นรถโดยสารเดินทางไปด้วย โดยแจ้งว่าจะต้องมีการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ถึงจะทำการขนย้ายอวัยวะดังกล่าวได้

ภาพจาก weibo.com
https://hilight.kapook.com/view/158008