Tuesday, January 31, 2017

แบบนี้ก็ได้เหรอ หนุ่มถูกจับปรับเพราะขับรถเร็ว กับข้ออ้างที่กวนหนักมาก




         ตำรวจออสเตรเลีย ไม่รู้จะเคืองหรือฮาดี หลังจับหนุ่มซิ่งรถเกินความเร็วที่กำหนด แต่เจ้าตัวอ้างว่าสาเหตุเป็นเพราะโดนลมผลัก !

          ในสังคมที่เร่งรีบยุคปัจจุบันนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรนักที่หลายคนจะถูกปรับข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ซึ่งส่วนมากก็จะอ้างกับตำรวจกันไปว่า ต้องรีบไปทำธุระบ้าง หรือ รีบขับไปเข้าห้องน้ำ แต่คงใช้ไม่ได้กับข่าวนี้ เมื่อวันนี้ 25 มกราคม 256 เว็บไซต์เมโทร เผยข้ออ้างสุดกวนของหนุ่มรายหนึ่ง ที่เจ้าตัวเผยว่าเหตุที่ขับรถเร็ว เพราะลมผลักตัวเขา
           ใบสั่งสุดป่วนนี้ถูกเผยแพร่โดยสถานีตำรวจทรี สปริงส์ ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย โดยมีชายคนหนึ่งถูกเรียกให้จอดแถว ๆ เมืองย่านชนบท หลังขับความเร็ว 78 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเกินที่กำหนดไว้คือ 68 ไมล์ต่อชั่วโมง และเกินกว่ากำหนดกว่า 10 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

          ทั้งนี้สถานีตำรวจดังกล่าวระบุว่า ข้อแก้ตัวดีเด่นในวันนี้ได้แก่ "ขับรถเร็วเพราะลมผลัก" ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอะไรดลใจให้เขาอ้างกับตำรวจไปแบบนั้น อาจจะเพราะคิดไม่ทัน หรือลมวันนั้นอาจจะแรงจริง ๆ ก็เป็นได้ แต่ที่รู้ ๆ เรื่องนี้สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่ได้พบเห็น จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เรียบร้อย
http://hilight.kapook.com/view/148328

Monday, January 30, 2017

สาวเช่าหนังมาดู พอเปิดกล่องก็พบเซอร์ไพรส์ชวนยิ้ม กับความอบอุ่นใจที่ได้รับ




         เรื่องราวดี ๆ ที่ชวนยิ้ม สาวเปิดกล่องดีวีดีที่เช่ามาจากอินเทอร์เน็ต ก่อนเจอเซอร์ไพรส์ พบเงินสดซ่อนอยู่ในนั้น พร้อมกับโน้ตใบหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวของมัน ซึ่งทำให้รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีคนดีมีน้ำใจ ที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

          หญิงสาวรายหนึ่งต้องเจอกับเรื่องที่คาดไม่ถึงเมื่อเธอเปิดกล่องดีวีดีหนังที่เช่ามาจากเว็บไซต์หนังออนไลน์ เมื่อเธอได้พบธนบัตรหลายใบพับซ่อนอยู่ภายใต้แผ่นดีวีดี มีกระดาษแผ่นหนึ่งซุกอยู่ด้วยกัน ด้านในคือโน้ตที่เขียนบอกเล่าที่มาที่ไปของธนบัตรเหล่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่อบอุ่นใจมาก
          จากการรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 เผยว่า เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่แม่ของหญิงสาวรายนี้อยากดูหนังสักเรื่อง เธอจึงทำการเข้าเว็บเช่าหนังออนไลน์แล้วกดเช่าหนังเรื่องหนึ่งมาดู เมื่อดีวีดีหนังมาส่งถึงบ้าน เธอก็เปิดเช็กดูตามปกติและพบธนบัตรกับโน้ตอยู่ข้างใน ด้านในโน้ตใบนั้นมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือ ความว่า


          "สวัสดี ! ผมชื่อมาร์กอส ทุก ๆ เดือนผมจะเก็บหอมรอมริบเอาไว้จนครบ 100 ดอลลาร์ (ราว 3,500 บาท ตามปกติแล้วผมจะเอาเงินนี้มาใช้ส่วนตัว แต่เดือนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมตัดสินใจจะแบ่งมันให้คนอื่นได้ใช้ เลยเอามาใส่กล่องดีวีดี และคุณคือคนแรกของปี 2560 ที่ได้มันไป !"

          "ผมหวังว่าคุณจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์นะ เอาไปทำในสิ่งที่ดี ถ้าคุณไม่ต้องการใช้มัน จะส่งต่อให้คนอื่นไปก็ได้ แต่ถ้าคุณอยากจะใช้ก็เก็บมันเอาไว้ครับ"


           เมื่อหญิงสาวได้อ่านโน้ตฉบับนี้ เธอได้ถ่ายภาพมันเอาไว้และโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ของเธอ เธอกล่าวขอบคุณมาร์กอสและขอให้พระเจ้าอวยพรเขาในความดีที่เขาทำ ทวีตของเธอได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ผู้คนมากมายต่างพากันรีทวีตนี้และแชร์กันออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งแค่เวลาเพียงข้ามคืน ทวีตนี้มีคนรีทวีตไปแล้วถึง 29,000 ครั้ง และมีคนกดไลค์มาถึงกว่า 90,000 ครั้งเลยทีเดียว
http://hilight.kapook.com/view/148543


Friday, January 27, 2017

สุดเศร้า ตูบน้อยใจสลายหลังเจ้านายแสนรักจากไป ยังคงไปนั่งเฝ้าข้างหลุมศพทุกวัน




        สุดเศร้า ตูบน้อยใจสลายหลังเจ้านายแสนรักจากไป แม้จะทำให้เขาฟื้นไม่ได้ก็ขออยู่เคียงข้างไม่ไปไหน นั่งเฝ้าข้างโลง-ออกไปเฝ้าหลุมศพในทุกเช้า

 
        วันที่ 24 มกราคม 2560 เว็บไซต์เดอะโดโด้ มีรายงานเรื่องราวชวนเศร้า ของเจ้าตูบน้อย เชซูร์ ที่เพิ่งจะสูญเสียเจ้านายที่มันรักที่สุดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ เมห์เม็ด อิลฮาน ชายวัย 79 ปี ซึ่งป่วยเรื้อรังมานานจนเป็นอัมพาต ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลใกล้บ้านของเขา ในเมืองบูร์ซา ประเทศตุรกี
 
         ด้าน อาลี อิลฮาน ลูกชายของเมห์เม็ด เผยว่า เชซูร์มาอยู่ที่บ้านของเราได้ 2 ปีแล้ว มันสนิทกับพ่อของเขามาก ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกัน และในช่วงวันท้าย ๆ ที่พ่อของเขาอยู่ในโรงพยาบาล เจ้าเชซูร์ก็เริ่มไม่ยอมกินอะไร จนถึงวันที่นำศพของพ่อกลับมาบ้าน เชซูร์ก็เดินเข้ามานั่งเฝ้าอยู่ข้างโลงศพไม่ห่าง


        จากนั้นเมื่อขบวนแห่ศพเดินทางมารับศพของเมห์เม็ดไปประกอบพิธียังมัสยิดในท้องถิ่น เจ้าเชซูร์ก็ยังขอเดินนำขบวนไปจนถึงงาน มันนั่งนิ่งอยู่ข้างโลงศพของพ่อเขาไม่ยอมไปไหน เจ้าหมาน้อยอยู่ในสภาพหัวตก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันใจสลายขนาดไหนต่อการจากไปของผู้เป็นที่รัก และในขณะที่พวกเขานำร่างของพ่อลงมาฝัง สายตาของมันก็บอกชัดว่าอยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้านายของมัน

        อาลียังเล่าว่า ไม่มีใครสามารถแตะตัวเชซูร์ได้อีกเลย นับตั้งแต่วันที่พ่อของเขาถูกฝัง แม้ว่าตอนนี้มันจะยังอาศัยอยู่ที่บ้านกับเขา แต่หัวใจของมันราวจะตายไปพร้อมกับพ่อของเขาแล้ว
แม้กระทั่งตอนนี้ที่เวลาผ่านมา 5 วันนับจากวันที่ฝังร่างของเมห์เม็ด แต่เชซูร์ก็ยังคงเดินทางออกจากบ้านไปยังสถานที่ฝังศพของเมห์เม็ด และนั่งเฝ้าร่างของเขาอย่างภักดีไม่ห่างไปไหน โดยอาลีเล่าว่า เขาสังเกตเห็นเจ้าเชซูร์มักจะวิ่งผ่านประตูออกไปตอนที่เขาออกไปทำงาน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันไปไหน จนกระทั่งได้แอบตามมันไป

        ด้านคนที่ทำงานในสุสานเองก็เผยว่า สิ่งแรกที่เจ้าเชซูร์มักจะทำในยามเข้า ก็คือการมาเยี่ยมหลุมศพของเมห์เม็ด ด้วยเหตุนี้หลังจากวันที่รู้ความจริง อาลีจึงได้พาเชซูร์ไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อเขาด้วยกัน พร้อมกล่าวว่า เชซูร์นั้นเป็นหมาที่ดี และมันจะอยู่กับเขาจากนี้เป็นต้นไป

ภาพจาก thedodo.com
http://pet.kapook.com/view165123.html

Thursday, January 26, 2017

รักแท้รักที่อะไร สาววัย 29 ตกถังข้าวสาร วิวาห์มหาเศรษฐีรุ่นปู่อายุ 92 ปี




      สาววัย 29 ปี วิวาห์กับมหาเศรษฐีรุ่นปู่อายุมากถึง 92 ปี จนถูกวิจารณ์แซ่ด เธอมันนักขุดทองชัด ๆ สาวเจ้าตัวยืนยัน รักของเรานี้คือรักแท้แน่นอน 

      เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 เว็บไซต์มิเรอร์ เปิดเผยรายงานชวนฮือฮาที่กำลังตกเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ของแอฟริกาใต้ในขณะนี้ โดยเป็นเรื่องราวของ ชาริตี มุมบา หญิงสาววัย 29 ปี ซึ่งเดิมทีมาจากประเทศแซมเบีย ก่อนจะย้ายเข้ามายังประเทศแอฟริกาใต้เพิ่มมองหาลู่ทางชีวิตใหม่ ๆ จนโชคชะตาพาให้เธอได้มาเจอกับ ปีเตอร์ กรูเวส ชายชราอายุ 92 ปี ที่ชาวท้องถิ่นรู้จักกันดีว่าเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย

     ไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิต ความบังเอิญ หรือความตั้งใจของใคร แต่แล้วในที่สุด ชาริตี ก็ได้ตกลงปลงใจเข้าพิธีวิวาห์กับ ปีเตอร์ โดยงานแต่งงานของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึง ต่างพากันบอกว่าเจ้าสาวคนนี้เป็นนักขุดทอง เข้ามาอยู่ที่ประเทศนี้เพื่อตั้งใจมาจับคนแก่ที่รวย ๆ เป็นสามี แต่สำหรับ ชาริตี เธอยืนยันอย่างมั่นใจว่ารักครั้งนี้เป็นรักแท้

      ไม่เพียงเท่านั้น รูปภาพงานแต่งของชาริตีและปีเตอร์ ยังถูกนำไปโพสต์ประจานบนโลกออนไลน์ พร้อมทั้งวิจารณ์หญิงชาวแซมเบียรายนี้ว่าหน้าไม่อาย จากนั้นก็ได้มีชาวโซเชียลเข้าไปแสดงความคิดเห็นเสริมทัพว่า น่าเศร้าที่ผู้หญิงทุกวันนี้ ไม่รู้จักทำงานหนักแต่กลับมองหาคู่ครองที่อายุมาก ๆ เมื่อสามีเสียชีวิต เธอก็จะได้รับมรดกต่อไป และบางรายก็ว่า พฤติกรรมเช่นนี้น่ารังเกียจ

      อย่างไรก็ดี มีคนชังก็ย่อมมีคนชอบ ชาวเน็ตบางรายเห็นต่างสนับสนุนคู่แต่งงานของชาริตีและปีเตอร์ เชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม บอกว่า เป็นคู่ที่เยี่ยมเลย ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหนถ้าหากทั้งสองรักกัน

      อนึ่ง ประเทศแซมเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาใต้ ประชากรมากกว่า 68 เปอร์เซ็นต์ จัดอยู่ในระดับต่ำกว่ายากจน และเมื่อเทียบประเทศแซมเบียกับประเทศแอฟริกาใต้แล้ว ประเทศแอฟริกาใต้ถือเป็นประเทศที่ร่ำรวยเลยทีเดียว

ภาพจาก zambianobserver.com
http://hilight.kapook.com/view/148331

Friday, January 20, 2017

พ่อสิ้นหวัง นั่งคุกเข่าถือท่อนไม้ข้างถนน ให้คนหยิบฟาดแลกเงินรักษาลูก




         ชายชาวจีนจนปัญญา นั่งคุกเข่าถือท่อนไม้ข้างถนน ให้คนเดินผ่านหยิบฟาด แลกกับเงินบริจาคครั้งละ 50 บาท เพื่อนำไปรักษาลูกป่วยหนักที่กำลังจะตาบอด

          เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า มีชายรายหนึ่งสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว ได้ออกมานั่งคุกเข่าท่ามกลางอากาศหนาว อยู่ที่ริมทางเท้าข้างถนนในเมืองปักกิ่ง โดยในถือไม้ 1 ท่อน พร้อมกับป้ายข้อความที่ระบุว่า ให้ช่วยหยิบไม้ท่อนนี้ฟาดตีลงไปที่ตัวเขา โดยคิดเงินครั้งละ 10 หยวน หรือราว 50 บาท เพื่อจะนำไปรักษาลูกชายวัย 1 ขวบที่ขณะนี้ป่วยหนักจนใกล้จะตาบอดเต็มที 

  
        ภาพชุดดังกล่าวนี้ถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยคุณพ่อสุดสิ้นหวังรายนี้มีชื่อว่า ฟาน ฟู้กุ่ย มาจากเขตเขตฉงชิ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งฟาน หยู่หาง ลูกชายของเขาเกิดมาพร้อมกับโรคร้ายที่เกี่ยวกับดวงตา จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากกว่า 100,000 หยวน (ราว 515,000 บาท) ในการผ่าตัดรักษา แต่เขาจนปัญญาที่จะหาเงินได้มากขนาดนี้ได้ จึงต้องมานั่งขอความช่วยเหลือเช่นนี้ ซึ่งหากคิดตามวิธีดังกล่าว เขาจะต้องถูกตีทั้งหมดถึง 10,000 ครั้ง กว่าจะได้เงินครบตามจำนวนที่ต้องการ

 
          นายฟานได้วอนขอให้ผู้ที่มีจิตใจเมตตาช่วยสงเคราะห์ตนและลูกชาย โดยได้เขียนเลขบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่ป้ายด้วย ทั้งนี้มีผู้ที่เดินผ่านไป-มาในบริเวณดังกล่าวรู้สึกสงสารและเห็นใจ ร่วมกันช่วยหยิบยื่นเงินบริจาคให้ แต่ทั้งนี้ไม่มีใครหยิบไม้ตีเขาแต่อย่างใด

  
        นายฟานได้เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่น ระบุว่า "คุณคิดว่าผมสนุกกับการต้องนั่งคุกเข่าข้างถนนเหรอ ? ผมก็อยากมีชีวิตเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป แต่ทำไม่ได้ เพราะผมและภรรยาต้องหาเงินมารักษาลูกชาย และถึงอย่างไรก็จะไม่ยอมแพ้ ผมไม่อยากให้ลูกตาบอด เมื่อโตขึ้นผมอยากให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้"

          โดยหลังจากภาพและเรื่องราวของนายฟานถูกนำไปเสนอในสื่อของจีน ก็มีผู้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือไปแล้วกว่า 50,000 หยวน (ราว 257,000 บาท) ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า เพียงพอสำหรับการพาลูกชายไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว พร้อมกันนี้เขายังได้เผยว่า จะพยายามหาวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่านี้ เพื่อหาเงินมาช่วยรักษาลูกชาย

  
           อย่างไรก็ดี เนื่องจาก เด็กชายฟาน หยู่หาง มีอาการซับซ้อนจากโรคหลายชนิดด้วยกัน อันได้แก่ ขั้วประสาทตาซีดฝ่อ โรคไร้ม่านตา และต้อหินที่พบตั้งแต่เกิด ทางแพทย์จึงไม่สามารถรับรองได้ว่า หลังจากเข้ารับการรักษาแล้ว ดวงตาของเขาจะสามารถมองเห็นได้เป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์


ภาพจาก item.btime.com
http://hilight.kapook.com/view/148082