Saturday, December 19, 2020

นักวิทย์ฯ ตะลึง พบฟอสซิลงูดึกดําบรรพ์ 47 ล้านปี เก่าแก่ที่สุด เท่าที่โลกเคยเจอ

นักวิทยาศาสตร์ทึ่ง ค้นพบ ฟอสซิลงูดึกดําบรรพ์ 47 ล้านปี ที่เยอรมนี ชี้ชัดยุโรปเคยมีงูเหลือมและงูหลามในอดีต เผยเป็นฟอสซิลงูที่เก่าแก่ อายุมากที่สุดในโลก

 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบซากฟอสซิล งูหลาม หรือ งูเหลือม (Python) อายุ 47 ล้านปี ที่เยอรมนี โดยฟอสซิลดังกล่าวนับว่าเป็นฟอลซิลงูไพธอนที่มีอายุมากที่สุด เท่าที่เคยพบเจอมาในโลก และงูตัวนี้เป็นสปีชีส์และประเภทใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน


จุดที่ค้นพบฟอลซิลดังกล่าวคือ หลุมเมสเซิล (Mellel Pit) นอกเมืองดาร์มชตัดท์-ดีบูร์ก ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อให้มันว่า Messelopython freyi

หลุมเมสเซิล คือ อดีตเหมืองร้างที่ UNESCO จัดให้เป็นแหล่งมรดกโลก UNESCO เมื่อปี 2538 โดย งูหลาม หรือ งูเหลือม ที่พบ นับอายุย้อนไปได้ในสมัยอีโอซีน (Eocene Period) สมัยหนึ่งของยุคพาลีโอจีน ช่วงเวลาระหว่าง 56 - 33.9 ล้านปีก่อน

งูที่จัดอยู่ใน วงศ์งูเหลือม (Python) ในโลกนี้มีมากมายหลายชนิด และมีถิ่นที่อยู่กระจัดกระจายอยู่ในแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย


การค้นพบว่ามีงูในวงศ์งูเหลือมเคยอาศัยอยู่ในทวีปยุโรปด้วย แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และมีงูหลายชนิด

แต่พอมาถึงสมัยไมโอซีน ซึ่งเป็นช่วง 22 - 5 ล้านปีก่อน งูในวงศ์งูเหลือมก็หายไปจากทวีปยุโรป เนื่องจากการเปลี่ยนทางสภาพอากาศที่ทำให้ยุโรปเย็นลงอีกครั้ง

ดร.คริสเตอร์ สมิธ จาก สถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติเซนเคินแบร์ก (Senckenberg Research Institute and Natural History Museum) เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงถิ่นกำเนิดของงูตัวนี้

แต่การค้นพบฟอสซิลงูสายพันธุ์ใหม่จะเป็นก้าวสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์การวิวัฒนาการของงู โดยเฉพาะงูในยุโรป


ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail
https://hilight.kapook.com/view/209562

Tuesday, December 15, 2020

พ่อใจสลาย ปล่อยลูก 8 ขวบเล่นน้ำ จระเข้โผล่ขย้ำ-คาบหายต่อหน้า ได้คืนแค่ร่างไร้วิญญาณ


พ่อใจสลาย ลูกชาย 8 ขวบเล่นกันกับเพื่อน ก่อนถูกจระเข้ขย้ำ คาบหายไปต่อหน้า สุดท้ายได้คืนแค่ร่างไร้วิญญาณ ชี้แค่สัปดาห์เดียว มีจระเข้ทำร้ายคนถึง 2 ครั้งในพื้นที่

วันที่ 11 ธันวาคม 2563 เว็บไซต์เดอะซัน มีรายงานเหตุสลดที่เกิดขึ้นในรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเด็กชายวัยเพียง 8 ขวบ ได้กลายมาเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่เสียชีวิตจากเหตุถูกจระเข้ทำร้าย ระหว่างลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนที่แม่น้ำ ขณะที่พ่อของเขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยลูกชายได้เลย และต้องเห็นภาพลูกชายถูกจระเข้ขย้ำอย่างใจสลาย

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะนั้นเด็กชายกับเพื่อน ซึ่งอายุ 8 ขวบเช่นกัน ได้ไปเล่นน้ำในแม่น้ำกัมปัง ซาบาห์ บารู ในจุดที่อยู่ห่างจากบ้านของเขาไปราว 20 เมตร ขณะที่พ่อของเขาก็อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เด็ก ๆ เล่นกัน

แต่อยู่ ๆ กลับมีจระเข้โผล่เข้ามาขย้ำเด็กชาย ขณะที่เพื่อนของเขารีบกระโจนขึ้นจากน้ำได้ทันจึงไม่ได้รับอันตรายอะไร โดยเพื่อนคนนี้รีบวิ่งไปบอกพ่อของเหยื่อให้ทราบ ผู้เป็นพ่อจึงวิ่งมาดูแล้วรีบโทร. ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยทันที

อย่างไรก็ตาม กว่ากู้ภัยจะมาถึงจระเข้ก็คาบร่างของเด็กชายหายไปกับน้ำแล้ว โดยหลังจากการออกค้นหา ในที่สุดกู้ภัยก็พบร่างของเด็กชายอยู่ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล น่าเศร้าที่เด็กชายเสียชีวิตไปแล้ว

ด้าน โรฮัน ซาห์ อาห์เม็ด โฆษกตำรวจ เผยว่า ศพของเด็กชายมีบาดแผลสาหัส ทั้งที่ช่วงเอว หน้าอก และท้อง เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจากนี้ศพของเด็กชายจะถูกส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลในท้องถิ่น

อนึ่ง นี่เป็นเหตุจระเข้ทำร้ายคนครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ในเวลาห่างกันไม่ถึง 1 สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ก็มีชายวัยรุ่นที่ถูกจระเข้ทำร้ายขณะออกไปเก็บหอยเช่นกัน เคราะห์ดีที่เพื่อน ๆ ของเขาเข้ามาช่วยสู้ จนไล่จระเข้ไปได้ ทำให้เหยื่อไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงชีวิต ทั้งนี้ พบว่าได้มีการนำกับดักมาติดตั้งไว้ในพื้นที่เพื่อดักจับจระเข้แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก เดอะซัน
https://hilight.kapook.com/view/209413

Thursday, November 26, 2020

ผวา ! เหลือมยักษ์ 5 เมตรโผล่ริมสวน พุงตึงหลังเพิ่งเขมือบเหยื่อ เจอฟันทิ้งหวั่นเป็นอันตราย

ชาวบ้านผวา เจองูเหลือมยักษ์ 5 เมตร นอนพุงตึงอยู่ริมสวน เลื้อยหนีไปไหนไม่ได้หลังเพิ่งเขมือบเหยื่อ ฟันทิ้งทันที ชี้เคยมีคนตายเพราะงูใหญ่มาแล้ว ทำคนกลัวจนไม่กล้าเข้าสวน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 เว็บไซต์ Tribun News รายงานว่า ชาวบ้านผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนึ่ง ในเขตมามูจู จังหวัดซูลาเวซีตะวันตก ของอินโดนีเซีย มีอันต้องหวาดผวาไปตาม ๆ กัน เมื่อมีชาวบ้านพบงูเหลือมขนาดใหญ่ โผล่เข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง แถมเจ้างูตัวนี้ยังอยู่ในสภาพนอนพุงตึงในสวนปาล์มน้ำมัน ขยับหนีไปไหนไม่ได้ เพราะเพิ่งเขมือบวัวเข้าไปทั้งตัว


ด้านฮัมซาห์ หนึ่งในชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า งูที่กินวัวเข้าไปตัวนี้น่าจะมีความยาวประมาณ 5 เมตร โดยก่อนหน้านี้มีคนในหมู่บ้านผูกวัวเอาไว้ที่หลังบ้าน แต่อยู่ ๆ วัวก็หายไป เมื่อออกไปเดินหาในตอนเช้าก็ต้องช็อก เมื่อได้เห็นงูเหลือมตัวนี้นอนอยู่ ในสภาพพุงโต


สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านหวาดผวากันอย่างมากก็คือ จุดที่พบงูตัวนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เคยมีคนถูกงูใหญ่กว่า 7 เมตร ฆ่าเมื่อ 3 ปีก่อน เหตุการณ์ในอดีตยังทำให้ชาวบ้านผวาจนแทบไม่กล้าเข้าไปในสวน ในตอนนี้เมื่อมีงูขนาดใหญ่โผล่มาอีก พวกเขาจึงฟันงูจนตาย ก่อนจะมีคนนำคลิปมาโพสต์ในโซเชียล จนกลายเป็นไวรัล

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Gocier Slenge'an



ขอบคุณข้อมูลจาก Tribun News
https://hilight.kapook.com/view/208894

Thursday, October 8, 2020

หนุ่มชะตาดับ ออกไปหาปลาเช้ามืด ถูกจระเข้กระชากร่าง จมหายต่อหน้าพ่อตา


         หนุ่มเคราะห์ร้ายในอินโดนีเซีย ออกไปหาปลาเช้ามืด ถูกจระเข้เล่นงาน ฟาดหางใส่เรือจนพลิกคว่ำ กัดกระชากร่างดับสยองต่อหน้าพ่อตา

        วันที่ 8 ตุลาคม 2563 เว็บไซต์ Detiknews รายงานว่า ชายรายหนึ่งระบุชื่อว่า รัสตาม อายุ 37 ปี ในจังหวัดสุมาตราใต้ ประเทศอินโดนีเซีย ถูกจระเข้จู่โจมทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ต่อหน้าต่อตา กานี ชายวัย 70 ปี ซึ่งเป็นพ่อตาของเขา

          เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.00 น. ชายเคราะห์ร้ายและพ่อตาของเขานำเรือออกไปจับปลาบริเวณริมแม่น้ำ Bungin ทว่าในขณะที่ดึงอวนหาปลา ทันใดนั้นเรือของพวกเขาก็หมุนไปหมุนมา

          ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เผยว่า รัสตามและพ่อตาของเขาถูกจระเข้จู่โจมจากใต้น้ำ เรือที่พวกเขานั่งไปจับปลาถูกจระเข้ฟาดหางใส่จนเกิดพลิกคว่ำ ทั้งคู่ร่วงตกลงไปในน้ำ หลังจากนั้นจระเข้ก็เข้ากัดกระชากทำร้ายรัสตามทันที ในขณะที่พ่อตาของเขาอยู่ไกลจากจุดที่จระเข้อยู่จึงไม่ถูกทำร้าย

          กานีร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้ ๆ จนมีชาวบ้านที่ทำประมงอยู่ในพื้นที่ได้ยินและสามารถช่วยชีวิตเขาขึ้นมาได้โดยปลอดภัย ส่วนลูกเขยของเขาไม่สามารถช่วยได้ทัน ร่างของเขาหายไปพร้อมกับจระเข้ตัวดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาร่างของเขาต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก Detiknews

https://hilight.kapook.com/view/207193

Monday, August 10, 2020

ชาวเมืองอึ้ง เจอโคตรตัวเงินตัวทอง ตัวใหญ่ยักษ์เกือบ 2 เมตร นึกว่ามังกรโคโมโด


         ชาวเมืองในสิงคโปร์อึ้งหนัก เจอโคตรตัวเงินตัวทอง ขนาดใหญ่ยักษ์กว่าที่เคยเห็นมา โซเชียลตะลึง น้องอ้วนมาก นึกว่าเป็นมังกรโคโมโด

         หลายคนคงเคยได้ยินว่าที่สวนสาธารณะในสิงคโปร์มักจะพบกับเจ้าถิ่นขาประจำอย่าง ตัวเงินตัวทอง ที่มักจะขึ้นจากน้ำมาให้เห็นบ่อย ๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ขนาดคนพื้นที่ชาวสิงคโปร์เองยังต้องผงะแรง เมื่อได้เจอกับโคตรตัวเงินตัวทอง ขนาดตัวใหญ่ยักษ์จนนึกว่าเป็นมังกรโคโมโด


          เว็บไซต์มาเธอร์ชิป เผยว่า เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Riann Goettl ได้โพสต์ภาพแชร์ไปยังกลุ่ม Nature Society (Singapore) ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะที่รวมเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติน่าทึ่งในสิงคโปร์ โดยครั้งนี้ แม้แต่เจ้าตัวที่เป็นคนในพื้นที่ก็ยังต้องอึ้ง เมื่อเจอกับตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ยักษ์ โผล่ขึ้นมาจากน้ำในสวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์



         เจ้าของเรื่องเผยกับรายงานว่า เธอและสามีชอบไปที่สวนดังกล่าวเพื่อไปออกกำลังกาย และสูดอากาศสดชื่น ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ และแน่นอนว่าเธอมักจะเห็นตัวเงินตัวทองโผล่ขึ้นมาเป็นประจำ แต่ตัวที่ทั้งสองเห็นล่าสุดนี้ มันใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบเคยเจอมาก่อน ตัวยาวประมาณ 1.8 เมตร แถมท้องของมันยังอ้วนโตมาก น่าจะเพิ่งจัดการเหยื่อลงท้องไปได้ไม่นาน พวกเขาตั้งชื่อให้ตัวเงินตัวทองตัวนี้เรียบร้อย ชื่อเจ้ารอนนี่ (Ronnie)

          รายงาน ระบุว่า แม้ว่าตัวเงินตัวทองจะมีลักษณะคล้ายกัน คาดว่าชนิดนี้เป็นสายพันธุ์มาลายู (Malayan water monitor lizard) ที่สามารถโตได้มากกว่านี้ มีขนาดยาวได้ถึง 3 เมตร อาหารของโปรดของพวกมันก็คือปู งู และปลา



          ด้วยขนาดและรูปร่างใหญ่ของมัน ทำให้หลายคนที่เห็นต่างพากันคอมเมนต์นึกว่าเป็นมังกรโคมาโด แต่แม้ว่า มังกรโคโมโดจะมีรูปร่างหน้าตาและลักษณะคล้ายกับตัวเงินตัวทอง แต่มันมีลำตัวใหญ่และยาวกว่ามาก มีลำตัวสีเข้มกว่า และมีอันตรายมากกว่า พบได้เฉพาะถิ่น เป็นสัตว์พื้นเมืองของอินโดนีเซีย


ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์มาเธอร์ชิป

https://hilight.kapook.com/view/205224

Tuesday, August 4, 2020

สวนสัตว์เผยข่าวเศร้า จำต้องการุณยฆาตคู่รักสิงโตแก่พร้อมกัน ไม่ทิ้งให้ตัวใดต้องอยู่ลำพัง


         สวนสัตว์ลอสแอนเจลิสเผยข่าวเศร้า จำต้องการุณยฆาตคู่รักสิงโตแก่ ให้จากไปพร้อมกัน ไม่ให้ตัวใดต้องอยู่ลำพัง เผยเป็นคู่สิงโตดาวเด่นที่แทบไม่ยอมแยกจากกัน

         วันที่ 3 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์ Bored Panda รายงานว่า สวนสัตว์ลอสแอนเจลิส ในสหรัฐฯ เพิ่งประกาศข่าวเศร้าเมื่อเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์จำต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบาก ในการการุณยฆาตคู่รักสิงโตแอฟริกัน อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นดาวเด่นประจำสวนสัตว์ ให้พวกมันได้จากไปพร้อมกันโดยไม่มีตัวใดต้องอยู่ตามลำพังหลังจากนี้


          โดยสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจการุณยฆาตสิงโตทั้ง 2 ตัว สืบเนื่องจากสุขภาพของพวกมันถดถอยลงอย่างมาก และยังมีอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับอายุของพวกมัน ซึ่งกลายเป็นสิ่งบั่นทอนคุณภาพชีวิตของสิงโตทั้งคู่



          อนึ่ง สำหรับ ฮิวเบิร์ต สิงโตตัวผู้ เกิดในสวนสัตว์ลินคอร์นปาร์ก ในชิคาโก ขณะที่ คาลิซา สิงโตตัวเมีย มาจากสวนสัตว์วู้ดแลนด์ปาร์ก ในซีแอตเทิล โดยพวกมันทั้ง 2 ตัวถูกส่งมายังสวนสัตว์ลอสแอนเจลิส ในปี 2557 นับจากนั้นเป็นต้นมา พวกมันก็ไม่อาจแยกจากกันได้อีก

          ด้าน เบธ สเชเฟอร์ โฆษกของสวนสัตว์ลอสแอนเจลิส เผยว่า ไม่ว่าผู้มาเยือนหรือเจ้าหน้าที่ต่างก็สัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ของสิงโตคู่นี้ พวกมันแทบจะไม่แยกจากกันเลย ฮิวเบิร์ตกับคาลิซามักจะอยู่ด้วยกันเสมอ พวกมันยังชอบกอดกัน และซุกหัวอิงกันอยู่บ่อย ๆ

          แม้ว่าตลอดช่วงชีวิตของฮิวเบิร์ต มันจะเป็นพ่อของลูกสิงโตจำนวน 10 ตัว อย่างไรก็ตาม มันกับคาลิซาไม่มีลูกด้วยกัน

          ด้าน อลิซา เบฮาร์ ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประจำสวนสัตว์ลอสแอนเจลิส เผยว่า การจากไปของสิงโตคู่นี้นับเป็นการสูญเสียอย่างมากสำหรับชุมชนสวนสัตว์ ในทุก ๆ เช้า เจ้าหน้าที่มักจะได้ยินเสียงคำรามตอนตื่นของฮิวเบิร์ต และเธอก็ยังคงคิดถึงเสียงของมันเช่นกัน

          ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยสิงโตที่อาศัยอยู่ในกรงอาจมีอายุได้ถึง 25 ปี แต่อายุขัยของสิงโตที่อยู่ในป่าธรรมชาติ จะอยู่ที่ 12-16 ปี ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอายุของฮิวเบิร์ตกับคาลิซา พวกมันก็ถือว่าเป็นสิงโตแก่ที่สุขภาพเริ่มเสื่อมถอยไปตามวัย แม้ทางสวนสัตว์จะดูแลพวกมันเป็นอย่างดีก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลจาก Bored Panda

https://hilight.kapook.com/view/204934

Friday, July 17, 2020

สยอง หนุ่มเข้าป่าหายเงียบ พบอีกทีเป็นศพถูกงูเหลือม 3 เมตรรัด คาดสู้งู แต่ไม่รอด


          สยอง หนุ่มอินโดฯ หาของป่ากลางดึก หายเงียบไปหลายวัน พบอีกทีเจองูเหลือม 3 เมตร รัดดับ คาดปล้ำสู้งู แต่ไม่รอด

          เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ kompas.com มีรายงานเหตุสลด หนุ่มอินโดนีเซียวัย 26 ปี กลายมาเป็นเหยื่ออีกรายที่เสียชีวิตเพราะงูขนาดใหญ่ หลังเข้าป่าไปหาของป่าช่วงกลางดึก ก่อนพบอีกครั้งกลายเป็นศพที่ถูกงูเหลือมยาว 3 เมตร กำลังรัดแน่น

          รายงานเผยว่า ชายคนดังกล่าวออกจากบ้านไปช่วงเที่ยงคืน วันที่ 12 กรกฎาคม เพื่อจะออกไปล่าหาของป่า แต่หลังจากทางครอบครัวไม่เห็นเขากลับบ้านมาหลายวัน จึงได้แจ้งตำรวจให้ช่วยออกตามหา ซึ่งทางตำรวจก็ได้ส่งทีมมาช่วยกันตามหาตัวเขา กระทั่งได้ทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่ามีกลิ่นแปลก ๆ โชยมาจากส่วนหนึ่งของป่า จึงได้นำกำลังเข้าไปดู กระทั่งพบศพของผู้ตายที่ถูกงูเหลือมรัดแน่น

          เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางตำรวจจึงต้องนำไม้มาใช้ดันและแหย่งู จนกระทั่งมันยอมคลายรัดและเลื้อยออกไป จึงสามารถเข้าไปนำศพออกจากพื้นที่ เพื่อนำกลับไปฝังได้

          ฟาต์กูร์ ราห์แมน ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ เปิดเผยว่า บนศพของผู้ตายไม่พบบาดแผลรุนแรงอย่างอื่น แต่คาดว่าก่อนที่เขาจะเสียชีวิตน่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างผู้ตายกับงู โดยพบว่างูเหลือมตัวดังกล่าวมีบาดแผลอยู่ที่ส่วนหัว

          ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าเหตุใดชายคนดังกล่าวถึงถูกงูรัดจนเสียชีวิต แต่คาดการณ์ว่าเขาอาจพยายามจะจับงูตัวนี้ แต่มีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นทำให้งูหันมาพันและรัดเขาจนเสียชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก kompas.com

Sunday, May 31, 2020

ไปดูเจ้าตูบหน้าแปลก จมูกยาวกว่าไม้บรรทัด จนได้ชื่อว่า สุนัขจมูกยาวที่สุดในโลก

ภาพจาก Instagram eriszoi
          
             ไปรู้จัก เจ้าตูบหน้าแปลก มีจมูกยื่นยาว ยาวกว่าไม้บรรทัด จนได้รับการขนานนามว่า เป็นสุนัขที่จมูกยาวที่สุดในโลกขณะนี้ แฟนคลับเพียบเลย

            - เจ้าตูบตัวนี้มีชื่อว่าเอริส (Eris) เป็นสุนัขพันธุ์บอร์ซอย อายุ 2 ปี อาศัยในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา

            - ตอนนี้ เอริส กำลังเป็นที่โด่งดังในโซเชียลมีเดีย ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นพิเศษจากตัวอื่น ๆ นั่นคือ จมูกยื่นยาวแบบสุด ๆ ยาวถึง 31 เซนติเมตร

            - ด้วยความพิเศษนี้ ทำให้มันได้รับความสนใจมากมาย จนได้รับการขนานนามว่า เป็นสุนัขที่จมูกยาวที่สุดในโลก




ภาพจาก Instagram eriszoi
   
            - ลิลลี แคมโบเรียน เจ้าของเจ้าเอริส เผยว่า เจ้าเอริสและพี่น้องครอกเดียวกัน มีฟันที่เหยินยาวผิดปกติมาตั้งแต่ตอนเล็ก ๆ แต่ของเอริสจะยื่นออกมามากกว่าตัวอื่น 

            - ตอนแรกมีหลายคนเตือนว่า เจ้าเอริสอาจจะต้องเผชิญปัญหาเกี่ยวกับฟัน ฟันของมันอาจจะทิ่มแทงเข้าไปที่เหงือกได้ แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เป็นปัญหาอะไร

            - ลิลลีดูแลเอริสอย่างเอาใจใส่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน หรือจมูก ซึ่งเจ้าเอริสชอบยื่นจมูกยาว ๆ ไปตามซอกต่าง ๆ หรือเอาขึ้นมาเกย



ภาพจาก Instagram eriszoi

            -  แม้ลักษณะภายนอกจะดูประหลาด แต่มันเป็นสุนัขที่จิตใจดี เฟรนด์ลี่มาก ๆ ทุกครั้งที่พาไปเดินเล่น คนที่เดินผ่านมักหยุดทักทายด้วยความสนใจและสงสัย ซึ่งเอริสก็ไม่เคยแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรใส่ 

            - ตำแหน่งสุนัขจมูกยาวที่สุดในโลกของเจ้าเอริส ยังไม่เป็นทางการ เพราะลิลลียังไม่ได้ดำเนินการเรื่องบันทึกสถิติแบบจริงจัง แต่เชื่อว่ามันจะสามารถครองตำแหน่งได้ไม่ยาก 



ภาพจาก Instagram eriszoi

            ที่แน่ ๆ ตอนนี้ เอริส ขึ้นแท่นเจ้าตูบเซเลบ เป็นหนึ่งในขวัญใจชาวโซเชียลไปแล้ว ล่าสุดมีผู้ติดตามความน่ารักของมันในอินสตาแกรมมากกว่า 180,000 ฟอลโลเว่อร์


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi

ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi


ภาพจาก Instagram eriszoi

ภาพจาก Instagram eriszoi

ขอบคุณข้อมูลจาก Odditycentral
https://pet.kapook.com/view226725.html

Thursday, May 28, 2020

ภาพการขุดพบชวนทึ่ง พื้นโมเสกสมัยโรมโบราณ ถูกรักษาไว้อย่างดี ความงามที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน

ภาพจาก Comune di Negrar di Valpolicella

นักโบราณคดีทึ่ง ขุดพบพื้นโมเสกสมัยโรมโบราณ ถูกรักษาไว้อย่างดี ความงดงามที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ชี้ใช้เวลาเกือบร้อยปีกว่าจะขุดพบ หลังเคยเจอวิลลาโบราณในพื้นที่ดังกล่าว


วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นักโบราณคดีเผยการค้นพบที่น่ายินดี หลังประสบความสำเร็จในการขุดพบพื้นโมเสกที่สวยงามโดดเด่น ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ไร่องุ่นในเมืองเวโรนา แคว้นเวเนโต ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยพื้นโมเสกดังกล่าวถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีใต้ผืนดินแม้เวลาจะล่วงเลยมาแสนนาน นับจากยุคโรมโบราณ
ภาพจาก Comune di Negrar di Valpolicella

       การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการขุดพบซากวิลลาโบราณในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา โดยจากภาพที่ทางเมืองนำมาเปิดเผย เราจะได้เห็นแพทเทิร์นของกระเบื้องโมเสกที่มีความซับซ้อนและมีสีสันสดใส

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @DapperHistorian

เจ้าหน้าที่ยังเผยว่า "หลังผ่านความพยายามที่ล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนตลอดหลายสิบปี ในที่สุดนักโบราณคดีก็ค้นพบส่วนหนึ่งของพื้นและฐานของวิลลาโรมัน ในพื้นที่ตอนเหนือของอิตาลี ที่นักวิชาการค้นพบเมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา"

ทั้งนี้ จุดหมายของทีมงานในตอนนี้คือการระบุขอบเขตที่แน่นอน และตำแหน่งของโครงสร้างโบราณนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้นั้น คงยังไม่สามารถทำได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยจะต้องมีการรวบรวมทรัพยากรที่สำคัญเสียก่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก ซีเอ็นเอ็น 



Thursday, April 23, 2020

ตูบนั่งเหงา เฝ้าชะเง้อรอเจ้าของมา 6 เดือน แม้อากาศหนาว -30 องศา ก็ยังไม่ยอมไปไหน

ภาพจาก chany.gorsite.ru

ตูบนั่งเหงา เฝ้าชะเง้อรอเจ้าของมา 6 เดือน แม้อากาศหนาว -30 องศา ก็ยังไม่ยอมไปไหน จนตอนนี้ในที่สุดก็ได้รับความอบอุ่นจากคนใจดี ที่พร้อมมอบบ้านใหม่ให้

ภาพของเจ้าตูบตัวหนึ่ง ที่ยืนกรานจะปักหลักเฝ้ารอเจ้านายของมันอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ หลังถูกนำมาทิ้งไว้ยังพื้นที่ชนบทห่างไกลในเมืองโนโวซีบีร์สค์ ของรัสเซีย ได้กลายมาเป็นภาพสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น แต่ไม่ว่าชาวบ้านจะพยายามเข้าไปจับตัวมันออกมาจากพื้นที่ข้างถนนอย่างไร มันก็ยังไม่ยอมไปไหน ขอรออยู่ตรงจุดที่ถูกนำมาทิ้ง ด้วยความหวังว่าสักวันเจ้านายที่รักจะหวนมารับมันกลับบ้าน

จากรายงานของเว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 เผยว่า เจ้าตูบที่เหงาหงอยถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป้ายรถเมล์จุดนี้ตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อน ในช่วงฤดูร้อนที่ไซบีเรียยังมีอากาศอบอุ่น ผู้คนที่ได้พบเห็นมันต่างก็อดสงสารไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าคอยหาอาหารมาทิ้งให้มันกินในแต่ละวัน เพราะเจ้าตูบตัวนี้ไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้น

ด้าน Sabyrgali Baysagurov ชาวนาที่อาศัยในพื้นที่นั้น เผยว่า สุนัขตัวนี้มักจะแสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทุกครั้งที่เห็นรถยนต์สีเทาขับผ่าน มันจะรีบวิ่งไล่ตามไป ก่อนจะกลับมาอย่างสิ้นหวังทุกครั้ง คาดว่าเจ้าของเก่าของมันคงจะมีรถยนต์สีเทา

ที่ผ่านมาเคยมีชาวบ้านหลายคนพยายามเข้ามาจับมันออกไปจากข้างถนน แต่ก็ทำได้ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเวลาผ่านไป จากอากาศอันแสนอบอุ่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสภาพอากาศหนาวเย็นจับใจ แต่สุนัขตัวนี้ก็ยังคงไม่ยอมไปไหน มันไม่ยอมเข้าไปหลบในบ้านสุนัขที่มีคนนำมาวางให้ แต่เลือกที่จะนอนบนฟางหญ้า และยังคอยชะเง้อมองรถที่ผ่านไปผ่านมา ด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะได้เห็นเจ้านายมันอีกครั้ง

ภาพจาก chany.gorsite.ru

เวลาผ่านไปจนขณะนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นถึง -30 องศาเซลเซียส สภาพอากาศเช่นนี้อาจทำให้ผู้คนถึงกับแข็งตายได้ แม้แต่อาหารที่นำไปวางให้สุนัขตัวนี้ ก็ยังถูกแช่แข็งตั้งแต่ก่อนที่มันจะได้กิน นั่นทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลมากขึ้นทุกที กลัวว่าสุนัขตัวนี้จะไม่รอดชีวิตจากฤดูหนาวแสนโหดร้าย

กระทั่งในที่สุดก็มีสื่อท้องถิ่นนำเรื่องของมันมารายงาน พร้อมยกให้เป็น ฮาจิโกะแห่งรัสเซีย โดยอ้างอิงตำนานสุนัขฮาจิโกะของญี่ปุ่น ที่เฝ้ารอเจ้านายอย่างซื่อสัตย์เป็นเวลานานถึง 9 ปี ไม่ยอมไปไหน และจากรายงานนี้เองทำให้ในที่สุดความช่วยเหลือก็มาเยือน เมื่อกลุ่มองค์กรช่วยเหลือสัตว์ได้ยอมขับรถเดินทางไกลร่วม 402 กิโลเมตร เพื่อมารับสุนัขตัวนี้

ด้าน อเล็กซี่ อาสาสมัครช่วยเหลือสุนัข เล่าว่า พวกเขารีบมายังป้ายรถเมล์แห่งนี้หลังจากได้อ่านเรื่องราวของมัน อย่างไรก็ตามเจ้าตูบตัวนี้ยังไม่ยอมเชื่อใจพวกเขา ไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใกล้ ซึ่งพวกเขาเองก็ต้องใช้ความพยายามหาวิธีต่าง ๆ เข้าไปตีสนิทกับมัน จนในที่สุดหลังจากเล่นไล่จับกันอยู่พักใหญ่ อิริน่า อาสาสมัครอีกคนหนึ่ง ก็สามารถโยนผ้าห่มไปคลุมร่างของสุนัขตัวนี้ และนำตัวมันขึ้นมาบนรถได้สำเร็จ


จากนั้นอาสาสมัครทั้ง 2 คน ก็ช่วยกันทำให้สุนัขได้รับความอบอุ่น ซึ่งหลังจากสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีจากทั้ง 2 คน สุนัขตัวนี้ก็แสดงท่าทีเป็นมิตรกับพวกเขามากขึ้น

"ฉันชื่นชมในความซื่อสัตย์ของสุนัขตัวนี้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้เห็นจากผู้คนเสมอไป" 
อิริน่า กล่าว

และแล้วในที่สุด อิริน่าก็ตัดสินใจที่จะเป็นผู้มอบบ้านหลังใหม่ที่แสนอบอุ่นแก่สุนัขตัวนี้ ให้ได้อาศัยอยู่ร่วมกับแก๊งเพื่อน 4 ขา เป็นสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด 1 ตัว และแมวเหมียวอีก 2 ตัว ซึ่งหลังจากนี้มันก็คงจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป นับเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาคริสต์มาสที่ดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้านหลังนี้


Wednesday, April 8, 2020

แพนด้าในสวนสัตว์ฮ่องกงกอดกันกลม ผสมพันธุ์ครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังล็อกดาวน์


           เผยภาพ แพนด้าในสวนสัตว์ฮ่องกงกอดกันกลม ขึ้นผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังทางการประกาศล็อกดาวน์ช่วงโควิด 19 ไร้คนเยือนสวนสัตว์


            วันที่ 7 เมษายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องราวพร้อมโมเมนต์ประทับใจจากสวนสัตว์โอเชียนปาร์ก (Ocean Park Zoo) ในฮ่องกง เมื่อเล่อเล่อ (Le Le) และอิงอิง (Ying Ying) แพนด้าคู่เพศผู้และเพศเมียประจำสวนสัตว์ ประสบความความสำเร็จ สามารถผสมพันธุ์กันได้เองตามธรรมชาติเป็นครั้งแรก ในรอบนานกว่า 10  ปีโดยทางสวนสัตว์ได้เผยภาพความตื่นเต้นและน่ายินดี เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 7 เมษายน พร้อมแถลงการณ์ระบุว่า ภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้ มีขึ้นภายหลังจากทางสวนสัตว์ได้ปิดทำการ ไม่ให้ประชาชนภายนอกเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

                ทางเจ้าหน้าที่เผยว่า เล่อเล่อ และอิงอิง มาอยู่ในความดูแลของสวนสัตว์แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2550 แต่มันทั้งสองก็ไม่เคยผสมพันธุ์กันเลย ทางเจ้าหน้าที่จึงพยายามจับคู่ผสมเทียมให้มันเมื่อช่วงปี 2553 แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดในปีนี้ ทางสวนสัตว์ก็ได้เห็นภาพที่เฝ้ารอคอย และติดตามลุ้นอย่างใจจดใจจ่อให้มีเจ้าแพนด้าตัวน้อยเกิดขึ้น

                ไมเคิล บูส ผู้อำนวยการบริหารการปฏิบัติการและอนุรักษ์สัตว์ของทางสวนสัตว์ กล่าวว่า "กระบวนการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับเราทุกคน เนื่องจากโอกาสของการตั้งท้องผ่านการผสมพันธุ์ตามธรรมชาตินั้นสูงกว่าการผสมเทียม"

                ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์กำลังติดตามความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและพฤติกรรมของอิงอิงอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามันจะตั้งท้องหรือไม่หลังจากนี้

                สำหรับแพนด้าเป็นสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์สูงมาก ตามการคาดการณ์ของมูลนิธิสัตว์ป่าโลก ระบุว่า ปัจจุบันมีแพนด้าโตเต็มวัยเพียง 1,864 ตัว ที่ยังมีชีวิตอยู่ในป่าทั่วโลก

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ocean Park Hong Kong
https://hilight.kapook.com/view/201314

Friday, January 3, 2020

เสือ 6 ตัว ถูกทิ้งในบ้านร้าง ใช้ชีวิตในกองอึ-ฉี่ หิวโหยอยู่ในกรงขัง เฝ้ารอวันตาย

ภาพจาก Kiev Police

เสือ 6 ตัว ถูกขังในบ้านร้างในยูเครน พบเคยเป็นสวนสัตว์ส่วนตัว แต่เจ้าของย้ายไปต่างประเทศ ตั้งใจทิ้งเสือให้อดตาย ล่าสุดเสือได้รับการช่วยเหลือแล้ว เจ้าของจ่อเจอคุก

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า เอฟเกเนีย โปรโกเปนโค นักกฎหมายและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ชาวยูเครน และทีมงานของเธอ ได้ช่วยเหลือ เสือโคร่ง 6 ตัว ที่ถูกขังเอาไว้ภายในบ้านร้างแห่งหนึ่ง

ภาพจาก Kiev Police

เสือเหล่านี้เคยใช้จัดแสดงในสวนสัตว์ส่วนตัวที่เปิดเป็นคลับ แต่เจ้าของได้ทิ้งพวกมันไว้ โดยจับขังเอาไว้ในกรงและล็อกกุญแจไม่ให้ออกมาได้ เพราะตั้งใจทิ้งให้พวกมันหิวจนตาย

เอฟเกเนี ยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเสือดังกล่าว หลังจากชาวบ้านพูดกันว่าได้ยินเสียงเสือร้องและคำรามดังออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง บนพื้นที่เกาะวอดนิคอฟ ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศยูเครน เธอจึงตัดสินใจเดินทางลงไปตรวจสอบ

ภาพจาก Kiev Police

บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าคร่ำคร่า มีป้ายติดไว้ว่า "Tiger" มีการล้อมกรงเอาไว้ และด้านในมีเสือเดินไปเดินมา ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก

จากคลิปวิดีโอที่เอฟเกเนียแชร์ลงบนเฟซบุ๊ก จะเห็นได้ว่าเสือเหล่านี้มีท่าทางคุ้นเคยกับคน และไม่กลัวคน เพราะพวกมันมีท่าทีกระตือรือร้นมากเมื่อเห็นเอฟเกเนีย คล้ายกับว่าดีใจและรับรู้ว่ามีคนมาช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อเธอยื่นมือเข้าไปใกล้ ๆ กับกรง เสือก็ยืนหัวมาถูคลอเคลียด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Evgenia  Prokopenko

"พวกเราได้รับแจ้งให้มาที่นี่ หลังจากชาวบ้านบอกว่ามีเสือในบ้านหลังนี้ และส่งเสียงร้องรบกวนชาวบ้านตอนกลางคืนจนไม่ได้หลับได้นอน พอมาถึง พวกเราเจอเสือ 6 ตัว ทุกตัวอยู่ในสภาพย่ำแย่มาก

กรงภายในบ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาอย่างลวก ๆ สภาพเรียกได้ว่าเลวร้ายและสกปรกมาก เสือวัยรุ่น 3 ตัว อัดกันอยู่ในกรงขนาด 8 ตารางเมตร พวกมันจมอยู่ในกองโคลนและของเสียของตัวเอง ไม่มีพื้นที่แห้งตรงไหนเลย" เอฟเกเนีย กล่าว

ภาพจาก Kiev Police

ส่วนเสืออีก 3 ตัว ที่เหลือ ตัวหนึ่งอายุมากแล้ว ถูกยังในกรงแคบ ๆ ขนาด 3 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 ตัว อยู่ในกรงที่ใหญ่กว่านั้นเล็กน้อย เสือทั้ง 6 ตัวต่างหิวโหยและกระหายน้ำ พวกมันไม่มีอะไรให้กิน ไม่มีน้ำให้ดื่ม ได้แต่หาเลียน้ำจากพื้นกินเพื่อประทังชีวิต

เอฟเกเนีย ได้แจ้งตำรวจหลังจากนั้น ซึ่งตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง พวกเขาพบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราดูแลพื้นที่อยู่ แต่ไม่มีใครหาอาหารมาให้เสือกิน

ภาพจาก Kiev Police

เยฟเกเนีย รวมทั้งกลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว พบว่าเจ้าของสวนสัตว์ร้างดังกล่าวเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในยูเครน เขาทิ้งเสือเหล่านี้ไว้ หลังจากที่ตัวเองย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

ทางด้านนักข่าวหญิงของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Ukrainskaya Pravda รายงานว่า ตนเองสามารถติดต่อไปหานักธุรกิจรายดังกล่าวได้แล้ว

ภาพจาก Kiev Police

เขาระบุว่า จะเดินทางกลับมายูเครนในวันที่ 3 มกราคม เพื่อจัดการเรื่องนี้ อ้างว่าเสือคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา พร้อมอ้างว่าได้วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะส่งมอบเสือทั้ง 6 ตัว ให้กับสวนสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองคาร์คอฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Evgenia  Prokopenko

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมดำเนินคดีกับนักธุรกิจดังกล่าวในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งเขาอาจต้องโทษจำคุก 3 ปี