วงการวิทยาศาสตร์โลกฮือฮา นักวิจัยแอฟริกาใต้ ค้นพบชิ้นส่วนทวีปโบราณที่หายสาบสูญไปบริเวณใต้มหาสมุทรอินเดีย
เชื่อจมลงไปอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร เมื่อ 84 ล้านปีก่อน
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์ ได้เปิดเผยรายงานว่า ทีมนักวิจัยในแอฟริกาใต้ ได้ค้นพบชิ้นส่วนหลักฐานของทวีปโบราณที่สูญหายไปใต้มหาสมุทรอินเดีย บริเวณเขตประเทศมอริเชียส เกาะนอกชายฝั่งแอฟริกาในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉียงใต้ ทางนักวิทยาศาสตร์จึงเรียกชื่อว่า ทวีปมอริเชีย (Mauritia) ซึ่งคาดว่าจมหายลงไปใต้ก้นมหาสมุทร เมื่อกว่า 84 ล้านปีก่อน
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์ ได้เปิดเผยรายงานว่า ทีมนักวิจัยในแอฟริกาใต้ ได้ค้นพบชิ้นส่วนหลักฐานของทวีปโบราณที่สูญหายไปใต้มหาสมุทรอินเดีย บริเวณเขตประเทศมอริเชียส เกาะนอกชายฝั่งแอฟริกาในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉียงใต้ ทางนักวิทยาศาสตร์จึงเรียกชื่อว่า ทวีปมอริเชีย (Mauritia) ซึ่งคาดว่าจมหายลงไปใต้ก้นมหาสมุทร เมื่อกว่า 84 ล้านปีก่อน
ลีวิส
แอชวาล หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์ ในแอฟริกาใต้ ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางทีมวิจัยกำลังศึกษากระบวนการแยกตัวของทวีปดังกล่าว เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางด้านธรณีวิทยาของโลก
โดยชิ้นส่วนของทวีปที่ถูกพบนี้ คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปกอนด์วานา
(Gondwana) อันเป็นทวีปขนาดใหญ่สมัยโบราณ ซึ่งได้แยกตัวออกเป็น ทวีปแอนตาร์กติกา
แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ ในปัจจุบัน
ในส่วนของเค้าลางที่นำมาสู่การค้นพบครั้งสำคัญนี้
คือการพบแร่โบราณ ในก้อนหินบนเกาะมอริเชียส หลังถูกพ่นออกมาตามลาวาหลังจากภูเขาไฟระเบิด
โดยแร่โบราณที่พบนี้ เป็นแร่เซอร์คอนชนิดที่ไม่ควรพบที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งหลังจากการนำผลึกแร่ชนิดนี้ไปตรวจสอบ
ก็พบว่ามันมีอายุเก่าแก่เกินกว่าที่จะมาอยู่บนเกาะมอริเชียสได้
แอชวาล
อธิบายเพิ่มเติมว่า โลกประกอบขึ้นจาก 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ "ทวีป" ซึ่งมีอายุมาก และ "มหาสมุทร"
ซึ่งมีอายุน้อย โดยในส่วนของทวีปนั้น ก้อนหินที่อยู่บนพื้นทวีปสามารถมีอายุได้มากถึงหลายพันล้านปี
แต่สำหรับในมหาสมุทรนั้น ไม่มีชิ้นส่วนใดที่มีอายุเก่าแก่ได้เท่านี้
สำหรับเกาะมอริเชียส มีอายุแค่ 2-3 ล้านปี แต่เศษแร่ที่พบกลับมีอายุมากถึงประมาณกว่า 3 พันล้านปี จึงสันนิษฐานได้ว่า มันเป็นชิ้นส่วนดั้งเดิมของทวีปโบราณดังกล่าว นอกจากนี้ จากการวิจัยยังชี้ว่า น่าจะมีชิ้นส่วนของทวีปมอริเชีย (ชื่อที่ตั้งขึ้นโดยทีมนักวิจัย) ในขนาดที่แตกต่างกันออกไปอีกที่ยังไม่พบ ซึ่งคาดว่ากระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วมหาสมุทรอินเดีย
ภาพจาก
Wits
University OFFICIAL
https://hilight.kapook.com/view/148825
No comments:
Post a Comment