คุณแม่หัวใจยอดนักสู้
ป่วยเป็นโรคมะเร็งขณะตั้งครรภ์ แต่ไม่ยอมท้อถอย ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาตัวเองให้รอด
เธอเผยสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ชีวิตตัวเอง แต่เป็นลูกในท้องของเธอ
แคลร์ พิคเคอริล คุณแม่สาวชาวอังกฤษพบว่า ตัวเองกำลังจะมีน้องให้กับลูกชายตัวน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ความปิติยินดีก็แทบจะสูญสลายไป เมื่อแคลร์ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม โดยจากการรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เผยว่า เพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ที่นำมาซึ่งความกังกวลอย่างมากว่า ลูกในท้องของเธอจะรอดชีวิตหรือไม่
แคลร์ พิคเคอริล คุณแม่สาวชาวอังกฤษพบว่า ตัวเองกำลังจะมีน้องให้กับลูกชายตัวน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ความปิติยินดีก็แทบจะสูญสลายไป เมื่อแคลร์ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม โดยจากการรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เผยว่า เพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ที่นำมาซึ่งความกังกวลอย่างมากว่า ลูกในท้องของเธอจะรอดชีวิตหรือไม่
ก่อนหน้าที่เธอจะตั้งครรภ์ลูกคนที่สองนี้
แคลร์เคยมีประวัติพบก้อนซีสต์ในเต้านมมาก่อนและรักษาหายไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอกังวลว่าซีสต์อาจจะกลับมาอีกครั้งจึงไปตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจ
แพทย์ตรวจพบก้อนแข็งในเต้านมของเธอจริงดังคาด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ก้อนซีสต์ที่ไร้พิษภัย
แต่มันคือเนื้อร้าย ซึ่งหมายความว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม
แคลร์จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือคีโม ทันทีที่ผ่านพ้นการตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์แรก เธอเป็นกังวลอย่างมากว่าลูกในท้องขอองเธอจะได้รับผลกระทบจากรักษาหรือไม่ เพราะถึงแม้แพทย์ผู้ดูแลแคลร์จะบอกว่าการทำคีโมจะไม่ส่งผลอันตรายต่อลูกในท้อง แต่มันก็ไม่สามารถการันตีความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์
แคลร์จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือคีโม ทันทีที่ผ่านพ้นการตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์แรก เธอเป็นกังวลอย่างมากว่าลูกในท้องขอองเธอจะได้รับผลกระทบจากรักษาหรือไม่ เพราะถึงแม้แพทย์ผู้ดูแลแคลร์จะบอกว่าการทำคีโมจะไม่ส่งผลอันตรายต่อลูกในท้อง แต่มันก็ไม่สามารถการันตีความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถึงเวลาแคลร์ก็เริ่มเข้ารับคีโม ในขณะที่การรักษามะเร็งดำเนินไป แคลร์ตรวจอัลตราซาวน์เพื่อดูลูกในท้องอยู่เสมอว่าร่างกายของลูกปกติดีหรือไม่ การต่อสู้โรคร้ายในครั้งนี้หนักหนามาก สตีเฟนผู้สามีของเธอคอยดูแลเคียงข้างแคลร์อย่างใกล้ชิดเสมอ เมื่อแคลร์ร่างกายทรุดลงจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาทำทุกอย่างให้ ทั้งอาบน้ำแต่งตัวและเลี้ยงดูลูกเรจจี้ ลูกชายคนโตซึ่งมีอายุแค่ 18 เดือนเท่านั้น
"เมื่อฉันก้มมองตัวเอง ฉันเห็นสิ่งที่โตขึ้นทุกวัน ทั้งลูกในท้องและมะเร็งร้าย ฉันมีคำถามมากมายในหัว ทำคีโมแบบนี้ ลูกฉันจะเป็นอะไรไหม เขาหรือเธอจะเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงไหม และครอบครัวฉันจะเป็นยังไงถ้าการรักษาในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ" แคลร์ กล่าว
ข่าวร้ายมาถึงครอบครัวของแคลร์
เมื่อการรักษาด้วยคีโมรอบที่ 3 ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื้อร้ายในเต้านมด้านซ้ายของแคลร์ไม่ลดลง
แพทย์จึงต้องทำการผ่าตัดเต้านมทั้งเต้าทิ้งเพื่อเป็นการช่วยชีวิตเธอและลูกในท้อง การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี
และจอร์จ ลูกชายตัวน้อยในท้องของเธอก็ได้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยวิธีผ่าคลอด เขาร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ
แคลร์ยังคงต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เธอต้องรับคีโมอีกครั้ง และฉายแสงอีกราว 20 ครั้งกว่าที่โรคมะเร็งจะหายไป ถึงแม้ว่าการทุกอย่างมักหนาสาหัสและทำให้เธอทรุดลงมาก แต่แคลร์ก็ยังคงมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยม และเธอยังได้กล่าวอีกว่า เธอโชคดีที่ตรวจพบมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ และแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงที
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Claire Pickerill, Stephen Pickerill
แคลร์ยังคงต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เธอต้องรับคีโมอีกครั้ง และฉายแสงอีกราว 20 ครั้งกว่าที่โรคมะเร็งจะหายไป ถึงแม้ว่าการทุกอย่างมักหนาสาหัสและทำให้เธอทรุดลงมาก แต่แคลร์ก็ยังคงมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยม และเธอยังได้กล่าวอีกว่า เธอโชคดีที่ตรวจพบมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ และแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงที
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Claire Pickerill, Stephen Pickerill
http://hilight.kapook.com/view/146046
No comments:
Post a Comment